- อย่าไปอินPosted 9 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ห่างไกลไข้หวัดใหญ่ด้วยการฉีดวัคซีน / โดย นพ.ปิยะวัชร์ เตธวัช
คอลัมน์ : โลกสุขภาพ
ผู้เขียน : นพ.ปิยะวัชร์ เตธวัช อายุรแพทย์ โรงพยาบาลกรุงเทพ
(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 18-25 พฤษภาคม 2561)
เพราะอากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย เช้าอากาศเย็น ตกเที่ยงอากาศร้อน ตอนเย็นเจอฝนอีกแล้ว เสี่ยงเป็นไข้หวัดอยู่ตลอด รู้หรือไม่ว่าไข้หวัดใหญ่ถือเป็นโรคติดต่อหนึ่งของระบบทางเดินหายใจที่มีการแพร่ระบาดอย่างกว้างขวาง โดยเฉพาะสังคมเมืองที่ผู้คนส่วนใหญ่ทำงานอยู่ในอาคารปิด ใช้ระบบหมุนเวียนอากาศร่วมกัน มีทั้งคนไอและจาม รวมถึงการเดินทางด้วยระบบขนส่งสาธารณะที่มีผู้คนแออัด ส่งผลให้เกิดการระบาดของโรคได้ง่ายและรวดเร็ว การป้องกันตนเองโดยการฉีดวัคซีนช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดโรคไข้หวัดใหญ่ ยิ่งเป็นกลุ่มที่มีความเสี่ยงที่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนตามมาได้ควรเข้ารับการฉีดวัคซีนป้องกันเพื่อผลลัพธ์ที่ดี
ไข้หวัดใหญ่เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสอินฟลูเอนซา (Influenza Virus) ที่ทำให้เกิดความผิดปรกติของระบบทางเดินหายใจและระบบอื่นๆ สามารถแยกชนิดของไข้หวัดใหญ่ในคนได้ออกเป็น 2 กลุ่มใหญ่คือ ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาล และไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ ซึ่งเป็นต้นเหตุของการระบาดไปทั่วโลก ไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลเป็นเชื้อไข้หวัดใหญ่ที่พบกันมานานแล้ว แต่เชื้อโรคมีการเปลี่ยนแปลงพันธุกรรมได้ตลอดเวลา ทำให้คนป่วยที่เป็นไข้หวัดใหญ่ไปแล้วสามารถป่วยได้อีก แต่อาการมักไม่รุนแรง ขณะที่ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ เช่น ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ใหม่ 2009 เกิดจากเชื้อไข้หวัดใหญ่ชนิดเอช 1 เอ็น 1 (H1N1) ที่กลายพันธุ์จากเชื้อไวรัสตัวเดิมไปมาก ทำให้คนส่วนใหญ่ไม่มีภูมิคุ้มกันและติดเชื้อได้ในวงกว้าง
โดยทั่วไปแล้วไข้หวัดใหญ่มักจะมีอาการที่รุนแรงมากกว่าไข้หวัดธรรมดา สังเกตได้จากอาการที่มักเกิดขึ้นทันทีทันใด ต่างจากไข้หวัดธรรมดาที่มักมีอาการค่อยเป็นค่อยไป และที่สำคัญคือ ไข้หวัดใหญ่มักมีไข้สูงติดกันหลายวัน โดยเฉพาะในเด็กจะมีไข้สูงลอยเกินกว่า 39-40 องศาเซลเซียส ติดต่อกัน 3-4 วัน อาจมีอาการหนาวสั่นสะท้านร่วมด้วย ในขณะที่ไข้หวัดธรรมดาอาจมีไข้แต่ไม่สูงมากนัก
ไข้หวัดใหญ่มักจะมีอาการที่รุนแรง โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคหัวใจ โรคปอด และผู้ที่มีภูมิต้านทานร่างกายไม่แข็งแรง โดยอาการของโรคไข้หวัดใหญ่มีดังนี้คือ ไข้สูง ปวดศีรษะและบริเวณเบ้าตา รู้สึกปวดเมื่อยตามตัว อ่อนเพลีย ไอแห้งๆ เจ็บคอ และมีน้ำมูก
สาเหตุของการติดเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่จะคล้ายกับไข้หวัดทั่วไปคือ ติดต่อโดยการหายใจเอาละอองน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วยที่ไอ จาม เข้าไป หรือการสัมผัสมือ การใช้สิ่งของเครื่องใช้ต่างๆร่วมกับผู้ป่วย ไม่ว่าจะเป็นผ้าเช็ดตัว แก้วน้ำ หลอดดูดน้ำ โทรศัพท์ ของเล่น รีโมทโทรทัศน์ แล้วเผลอเอามือนั้นมาขยี้ตา แคะจมูก เชื้อโรคเหล่านั้นก็จะเข้าสู่ร่างกายได้ง่าย
วิธีป้องกันคือ 1.ควรฉีดวัคซีนเพื่อป้องกันโรคไข้หวัดใหญ่เป็นประจำทุกปี 2.หลีกเลี่ยงการสัมผัสกับผู้ป่วยและเสมหะของผู้ป่วย 3.ล้างมือบ่อยๆด้วยน้ำและสบู่ หรือใช้แอลกอฮอล์เจลทำความสะอาดมือ 4.หลีกเลี่ยงการสัมผัสจมูก ตา ปากของตัวเองหากต้องสัมผัสกับผู้ป่วย 5.รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เน้นผัก ผลไม้ นม ไข่ กินอาหารปรุงสุกใหม่ๆ ใช้ช้อนกลาง นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ ดื่มน้ำสะอาด และออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ
หากมีอาการที่สงสัยว่าเป็นโรคไข้หวัดใหญ่ควรสวมหน้ากากอนามัยหรือมีผ้าปิดปากและจมูกเวลาไอ จาม สำหรับภาวะแทรกซ้อนเมื่อป่วยด้วยโรคไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะในผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือในเด็กเล็กที่ภูมิคุ้มกันยังไม่แข็งแรงพอ มีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนได้ เช่น ปอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย ภาวะขาดน้ำ หรือทำให้โรคประจำตัวที่เป็นอยู่แย่ลง เช่น ภาวะหัวใจวาย หากมีภาวะแทรกซ้อนรุนแรงอาจนำไปสู่การเสียชีวิตได้
ผู้ที่ควรเข้ารับวัคซีนไข้หวัดใหญ่โดยเฉพาะคือ ผู้สูงอายุตั้งแต่ 65 ปีขึ้นไป ผู้ป่วยอายุระหว่าง 19-64 ปี ที่มีโรคหัวใจ โรคหอบหืด โรคถุงลมโป่งพอง ผู้ป่วยที่ต้องเข้ารับการรักษาในโรงพยาบาลอย่างน้อยปีละ 1 ครั้งจากโรคเรื้อรัง ได้แก่ โรคเบาหวาน โรคไต โรคเลือด และผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่องควรเข้ารับการฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ก่อนช่วงที่จะมีการระบาดของโรค สำหรับประเทศไทยควรฉีดในระหว่างเดือนมกราคม-มิถุนายนของทุกปี เพราะร่างกายจะสร้างภูมิคุ้มกันโรคหลังฉีดวัคซีนประมาณ 2 สัปดาห์
ที่สำคัญการระบาดของโรคไข้หวัดใหญ่สามารถเปลี่ยนสายพันธุ์ได้ แนะนำให้ฉีดป้องกันไว้ทุกปี เพราะวัคซีนที่ผลิตในแต่ละปีจะเป็นวัคซีนเฉพาะสายพันธุ์ที่กำลังระบาดในปีนั้นๆ วัคซีนไข้หวัดใหญ่มีประสิทธิภาพในการป้องกันโรคประมาณ 70-90% แต่ในผู้สูงอายุและผู้ที่มีภูมิต้านทานร่างกายไม่แข็งแรง การตอบสนองต่อวัคซีนอาจลดลง อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ยังมีประโยชน์ในการลดความรุนแรงของภาวะแทรกซ้อน ลดโอกาสที่ต้องเข้ารักษาตัวในโรงพยาบาล และลดการเสียชีวิตลงได้
You must be logged in to post a comment Login