วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

อาหารวัยทารก / โดย ฝ่ายโภชนาการ

On June 1, 2018

คอลัมน์ : พบหมอศิริราช

ผู้เขียน : ฝ่ายโภชนาการ

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 1-8 มิถุนายน 2561)

อาหารของทารกแรกเกิดถึง 6 เดือน ให้น้ำนมแม่เพียงอย่างเดียว ซึ่งธรรมชาติได้ปรับแต่งให้สะอาด มีคุณค่าเพียงพอ และสารอาหารครบถ้วน ทั้งโปรตีน วิตามิน ไขมัน แร่ธาตุต่างๆครบ จะทำให้ลูกเจริญเติบโตทั้งทางร่างกายและสมอง ลดโอกาสเกิดภูมิแพ้และการติดเชื้อที่ปนเปื้อนมากับน้ำและอาหารอื่น มีโคลอสตรัมหรือนมน้ำสีเหลืองๆช่วงแรกหลังคลอด ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันโรค และยังช่วยระบายขี้เทาซึ่งค้างอยู่ในลำไส้ทารก ทำให้มดลูกเข้าอู่เร็ว น้ำหนักตัวของแม่ลดลงอย่างรวดเร็ว

“อาหาร” ที่เหมาะสมสำหรับทารกทั้งชนิดและปริมาณเป็นปัจจัยสำคัญต่อการพัฒนาและการเจริญเติบโตของร่างกายและสมอง

สารอาหารที่สำคัญ

-พลังงานและโปรตีน แหล่งอาหารในช่วงแรกเกิดถึง 4 เดือนที่ดีที่สุดคือนมแม่ หลังจากนั้นเพิ่มเติมจากไข่ เนื้อสัตว์ต่างๆ

-ธาตุเหล็ก ร้อยละ 90 ของธาตุเหล็กที่ทารกต้องการได้จากอาหารเสริมตามวัย ได้แก่ ตับ ไข่แดง เนื้อสัตว์ ดังนั้น หลังอายุ 4 เดือน ทารกที่รับประทานแต่นมจึงเสี่ยงต่อการขาดธาตุเหล็ก

-ไอโอดีน ช่วยการทำงานของต่อมไธรอยด์ ช่วยในการพัฒนาสมองและการเจริญเติบโตของร่างกาย ควรใช้เกลือไอโอดีนในการปรุงอาหาร

-แคลเซียม จำเป็นในการสร้างกระดูกและฟัน ส่วนใหญ่ได้รับจากนม

-สังกะสี ช่วยการเจริญเติบโต สร้างภูมิคุ้มกันโรคให้ร่างกาย มีมากในเนื้อสัตว์และอาหารทะเล

-วิตามินเอ เสริมสร้างเซลล์และระบบภูมิคุ้มกัน ช่วยเกี่ยวกับการมองเห็น แหล่งอาหารสำคัญคือ ตับ ไข่แดง ผักใบเขียวเข้ม และผักผลไม้สีเหลืองแสด

จุดประสงค์การให้อาหารเสริมในขวบปีแรก

-เพื่อฝึกพัฒนาการกลืน

-การเคี้ยวอาหารที่เปลี่ยนไปจากของเหลวเป็นของแข็ง

-ให้ลูกรับรู้รสชาติอาหารอื่นนอกเหนือจากนม

-เพิ่มสารอาหารให้แก่ลูก เพื่อให้วิตามินเอ วิตามินซี ธาตุเหล็ก โปรตีน

-ฝึกให้ลูกรับประทานเป็นมื้อหลัก เพื่อที่จะรับประทานอาหารเหมือนผู้ใหญ่หลังอายุ 1 ปี และดื่มนมเป็นอาหารเสริม

คำแนะนำในการให้อาหารทารก

การให้อาหารทารกให้ถูกต้อง เพียงพอ และเหมาะสมตามวัย จะช่วยให้ทารกมีการเจริญเติบโตดี และมีพัฒนาการที่ดี ลดความเสี่ยงต่อการแพ้อาหาร มีบริโภคนิสัยที่ดีต่อไป

1.เริ่มให้อาหารทีละน้อยในระยะแรก เพื่อให้ทารกฝึกการใช้ลิ้น ริมฝีปาก และการกลืน

2.เริ่มให้ทีละอย่าง และเว้นระยะ 1-2 สัปดาห์ ก่อนเริ่มให้อาหารชนิดใหม่ เพื่อสังเกตอาการแพ้

3.จัดอาหารให้หลากหลายชนิด เพื่อสร้างความคุ้นเคย

4.จัดชนิดอาหารให้เหมาะสมตามวัย เนื่องจากระบบการย่อยและการดูดซึมยังไม่สมบูรณ์

5.เนื้อสัมผัสของอาหารจัดให้เหมาะกับพัฒนาการของทารก เริ่มจากอาหารเหลว กึ่งเหลว กึ่งแข็ง อ่อนนิ่ม และหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ

6.ไม่ปรุงอาหารรสจัด เช่น หวาน เค็ม เปรี้ยว เผ็ด

7.เน้นความสะอาดของวัตถุดิบและภาชนะใส่อาหาร

การแพ้อาหารในทารก

ปัจจุบันอาหารทารกมีทั้งในรูปของนม (นมวัว) และอาหารเสริม การแพ้โปรตีนในนมวัวมักเกิดช่วงอายุ 1-4 เดือน อาการคือ คัดจมูก อาเจียน ปวดท้อง มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง

การแพ้อาหารสามารถเกิดขึ้นได้กับทารก ดังนั้น อาหารแต่ละชนิดที่จะเริ่มให้ครั้งแรกต้องให้ทีละน้อย 1-2 ช้อนเล็กก่อน ดูการยอมรับว่าแพ้หรือไม่ เช่น ไข่ เริ่มไข่แดงก่อน ไข่ขาวเริ่มเมื่ออายุ 7 เดือน ถ้าแพ้ไข่ขาวจะเกิดผื่นที่หน้าทั้ง 2 ข้างแก้มภายใน 1-2 สัปดาห์ เรียกว่า “ขี้กลากน้ำนม” ก็ควรเริ่มให้ไข่ขาวเมื่ออายุ 1 ปี แต่ไข่แดงให้ได้

เด็กอายุต่ำกว่า 6 เดือน พบสารแพ้กลูเตน (เป็นโปรตีนในอาหารที่ทำจากข้าวสาลี, ข้าวบาร์เลย์, ข้าวโอ๊ต) เด็กจะมีอาการท้องเสียเรื้อรัง เพราะเยื่อบุลำไส้ถูกทำลาย ปัจจุบันที่ฉลากจะระบุว่ามีกลูเตนอยู่ด้วยหรือไม่

ถ้าเด็กแพ้นมผสม ถั่วลิสง ช็อกโกแลต หรืออาหารทะเล อาการคือ ผื่นคันที่แก้ม หลังหู และตามข้อพับ แต่ถ้าทารกไม่มีอาการแพ้อาหารสามารถเพิ่มอาหารใหม่ โดยควรให้ติดต่อกัน 2 สัปดาห์แล้วค่อยเปลี่ยน จะเป็นการป้องกันการแพ้อาหารของลูกได้

 


You must be logged in to post a comment Login