วันพุธที่ 24 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ไร้สมณสัญญา / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On June 3, 2018

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

ความต่ำตมโสมมของคนในผ้าเหลือง ในศาสนาที่ไม่มียางอาย ไม่ได้มีสำนึกที่เรียกว่า “สมณสัญญา” ความหมายรู้ว่าตัวเองเป็นอะไร ไม่เหลือห่อหุ้มจิตใจไว้เลย กลายเป็นเรื่องที่แย่มากๆจนไม่รู้ว่าจะเอาอะไรมาเปรียบเทียบ อย่างกรณีชาวบ้านไล่เจ้าอาวาสวัดจำปาลาวที่เชียงใหม่ที่ชวนพระล้อมวงร่ำสุราพร้อมหญิงสาว ซึ่งเจ้าตัวก็ยอมรับผิดและถูกจับสึกไป เพราะผิดหลักวินัยกินเหล้าในวัด แม้ผิดแค่ “ปาจิตตีย์” ไม่ถึงกับต้องสึก แต่อาตมาเห็นว่ากินเหล้าร่วมกับสีกาและพระเณรมันน่าเป็นห่วง เพราะต่อไปจะขยายวง มีพฤติกรรมต่ำตมจมอยู่กับอบายมุขมากขึ้น

เรื่องอบายมุขเป็นทางเสื่อม ชีวิตพรหมจรรย์จะเหลืออะไร เหมือน “ผีเน่ากับโลงผุ” ระหว่างพระกับสีกาที่ทำผิด ไม่มีความอาย แล้วยังเอาพระเณรมาร่วมวงเหล้าอีก เมื่อไม่มีวัตรปฏิบัติที่น่าศรัทธา ชาวบ้านก็ต้องขับไล่ เป็นเรื่องที่น่าอเนจอนาถใจ

ความละอาย ขาดความเกรงกลัวต่อบาป ทำให้ศาสนาด่างพร้อย เพราะต่ำตมอยู่กับความอยากโง่ๆ ปล่อยให้ความอยากดื่ม อยากกิน อยากเสพของที่เป็นทุกข์ เป็นโทษ เป็นภัย ทั้งที่ความเป็นคนดีที่จะบวชในศาสนาก็เพื่อละอบายมุข อยู่ในศีลในธรรม อยู่ในร่มผ้ากาสาวพัสตร์ที่เรียกว่าเป็นชาวพุทธได้ ไม่ใช่ทำตัวหลุดจากขุมนรก อย่างนี้เรียกว่าปล่อยตัวจมต่ำตมแทบจะไม่เหลืออะไรในสมอง ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไร

คนเราถ้าขาดความรู้สึกว่าตัวเองเป็นอะไร ความเป็นพระก็ไม่เหลือแล้ว มีแต่ผ้าเหลืองห่มร่างที่ต้องเรียกว่าอมนุษย์ จะบอกว่าแค่อาบัติปาจิตตีย์ไม่ได้ ในความรู้สึกของชาวบ้านเขาทนไม่ได้ เขาจึงขับไล่พระ เป็นเรื่องที่น่าอัปยศอดสูอย่างใหญ่หลวง

ถึงเวลาที่จะต้องสังคายนาความเป็นภิกษุในพระพุทธศาสนากันหรือยัง ข่าวพระไม่ดี พระทำผิดต่างๆ เหมือนคนเราก็ต้องมีกรอบความประพฤติ มีกฎหมาย ยิ่งอยู่ในศาสนา ถ้าสอบแล้วไม่ฟัง ไม่เชื่อ ไม่ผ่าน ก็ไม่น่าจะเลี้ยงไว้

โบราณเขาเคยพูดว่า “ปล่อยให้วัดร้างดีกว่าให้คนในวัดเลว” เพราะถ้าคนในวัดเลว วัดจะเจริญได้อย่างไร โบสถ์วิหารสวยงามใหญ่โตโอฬาร แต่คนเสื่อมศรัทธา จะส่งผลให้เสื่อมในปัญญาและในศาสนาด้วย ผู้ที่อยู่ในผ้าเหลืองต้องทำตัวเป็นแบบอย่าง เป็นตัวอย่าง เมื่อใช้ไม่ได้ก็ต้องไม่เลี้ยงไว้ให้เสียข้าวสุกที่ญาติโยมเขาใส่บาตร กว่าจะได้ข้าวมาแต่ละเม็ดต้องเสียเหงื่อเสียอะไรกันไม่น้อย

อาตมาจึงย้ำพวกที่อยู่ในผ้าเหลือง อย่าทำให้เสียข้าวสุก ไม่ทำให้ตัวเองต่ำตม ถ้าอยากกินเหล้าก็ไม่ยาก แค่สึกออกไป แล้วจะไปต่ำตมจมยังไงกับใครก็ไม่เดือดร้อน แต่อยู่ในผ้าเหลืองที่หุ้มกาย มานั่งดื่มเหล้ากับสีกา ไม่ว่าพระหรือสีกาก็ไม่มีอะไรเหลือแล้ว ไม่เหลือยางอะไรแล้ว ไม่มีสำนึกความเป็นมนุษย์ให้นับถือ คนอย่างนี้เหมือนคนไม่มีศาสนา เป็นพระก็ไม่มีสมณสัญญา ศาสนาไม่เหลืออะไร ถือเป็นยุคที่เสียผ้าเหลือง เสียข้าวสุกไม่ใช่น้อยเลย

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login