- อย่าไปอินPosted 22 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
น้ำตาเช็ดหัวเข่า
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
พรรครวมพลังประชาชาติไทยเปิดตัวภายใต้สายตาที่จับจ้อง โดยเฉพาะแกนนำคนสำคัญอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ ที่พยายามกระตุกความรู้สึกร่วมของมวลชนที่เคยร่วมกันเคลื่อนไหวปิดกรุงเทพฯ โดยหวังว่าเสียงของคนกลุ่มนี้จะโอบอุ้มพรรคให้แจ้งเกิดบนเวทีการเมืองได้ แต่หากถอดบทเรียนจากพรรคการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรฯ แม้ระดับแกนนำจะมีความเขี้ยวทางการเมืองต่างกัน แต่มวลชนที่มาร่วมเคลื่อนไหวล้วนเป็นฐานคะแนนของพรรคประชาธิปัตย์ พรรครวมพลังประชาชาติไทยก็คงลงเอยแบบเดียวกับพรรคการเมืองใหม่ คือเสียงดีแต่ไม่มีคะแนน หลังเลือกตั้งอาจได้เห็นนายสุเทพนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าก็เป็นได้
ลุ้นกันเป็นครั้งสุดท้ายในวันนี้ (5 มิ.ย.) กับการประกาศผลตีความของศาลรัฐธรรมนูญ ซึ่งจะมีผลต่อโรดแม็พเลือกตั้งว่าจะยังนิ่งอยู่ที่เดิมในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้าหรือต้องขยับออกไป
ถ้าผลการตีความออกมาว่าคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 เรื่องการดำเนินการตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมือง ไม่ขัดรัฐธรรมนูญ ทุกอย่างก็ฉลุย แถมเปิดทางให้ใช้อำนาจมาตรา 44 ทะลวงทางตันหลายเรื่องที่เป็นอุปสรรคทำให้การจัดเลือกตั้งไม่ราบรื่นได้ด้วย เช่น เรื่องการแบ่งเขตเลือกตั้งที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ร้องขออำนาจพิเศษนี้ใช้ดำเนินการ
แต่ถ้าหวยออกไปอีกทางก็ยังคงวุ่นวายกันพอสมควรหลังจากนี้
ก่อนที่จะรู้ผลชี้ขาด หันไปดูการเตรียมความพร้อมของพรรคการเมืองเพื่อลงสนามเลือกตั้ง
ที่น่าสนใจที่สุดคือการเปิดตัวพรรคการเมืองใหม่อย่างพรรครวมพลังประชาชาติไทยที่ให้เกียรติสมาชิกพรรคธรรมดาๆอย่างนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. กล่าวปราศรัยกับประชาชนในงานเปิดตัวพรรคอย่างเป็นทางการ
สิ่งที่นายสุเทพพูดมีหลายเรื่องที่น่าสนใจ แต่ดูเหมือนทุกฝ่ายจะให้น้ำหนักไปที่การตระบัดสัตย์เพื่อชาติ ยอมกลืนน้ำลายตัวเองที่เคยประกาศจะเลิกเล่นการเมือง และเรื่องน้ำตาที่ไหลออกมาระหว่างการปราศรัย
ไม่ว่าเสียงวิจารณ์จะเป็นอย่างไร แต่หากพิจารณาคำปราศรัยของนายสุเทพดีๆจะเห็นว่ามีนัยอยู่พอสมควร
หลายประโยคที่นายสุเทพกล่าวออกมานั้นแสดงให้เห็นว่าพรรครวมพลังประชาชาติไทยไม่ใช่พรรคฉุกละหุกตั้ง แต่เป็นการเตรียมการก่อนหน้านี้แล้ว เพียงแต่ว่าอาจผิดแผนไปจากความตั้งใจเดิม โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการดึงอดีต ส.ส. มาร่วมงานกับพรรค
ทำให้เนื้อหาการปราศรัยเน้นหนักไปที่การกระตุ้นความรู้สึกเก่าๆของมวลชนที่เคยร่วมกันเคลื่อนไหวปิดกรุงเทพฯมาก่อนหน้านี้ โดยหวังว่าเสียงของมวลชนเหล่านี้ทั้งคนที่เคยออกมาร่วมชุมนุมและคนที่เป็นกองหนุนอยู่ที่บ้านจะเทคะแนนให้กับพรรครวมพลังประชาชาติไทย โดยเฉพาะในพื้นที่ภาคใต้และกรุงเทพฯ
อย่างไรก็ตาม หากถอดบทเรียนจากพรรคการเมืองใหม่ของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยที่ตั้งพรรคขึ้นมาเพื่อสานต่องานที่ทำไว้ พรรครวมพลังประชาชาติไทยอาจต้องทำใจไว้บ้าง
ในช่วงการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรฯจะเห็นว่ากระแสแรงไม่ต่างจากการเคลื่อนไหวของ กปปส. แต่พรรคการเมืองใหม่กลับล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่าในสนามเลือกตั้ง
แม้จะมีความต่างกันอยู่บ้างตรงที่พรรคการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯไม่มีนักการเมืองซึ่งมีฐานเสียงของตัวเองแน่นหนามาเป็นแกนนำก่อตั้งพรรค ขณะที่พรรครวมพลังประชาชาติไทยมีนักการเมืองที่คร่ำหวอดในสนามการเมืองมานานร่วมเป็นแกนนำ
แต่แกนนำของพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็เป็นนักการเมืองที่มีความแข็งแกร่งในฐานเสียงเฉพาะพื้นที่ของตัวเองเท่านั้น ไม่มีความเป็นแมสในความนิยม
ที่สำคัญคือฐานมวลชนที่มาร่วมเคลื่อนไหวล้วนเป็นฐานมวลชนของพรรคประชาธิปัตย์ที่ถึงเวลาเลือกตั้งเมื่อไรกาบัตรลงคะแนนให้พรรคประชาธิปัตย์แน่นอน โดยไม่ดูด้วยซ้ำว่าผู้สมัครคนนั้นเป็นใคร มีคุณสมบัติอย่างไร
ชะรอยแล้วพรรครวมพลังประชาชาติไทยก็คงลงเอยแบบเดียวกับพรรคการเมืองใหม่ คือเสียงดีแต่ไม่มีคะแนน
หลังเลือกตั้งอาจได้เห็นนายสุเทพนั่งน้ำตาเช็ดหัวเข่าก็เป็นได้
You must be logged in to post a comment Login