- อย่าไปอินPosted 14 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
อดของจำเป็นเพื่ออดของไม่จำเป็น
คอลัมน์ สันติธรรม “อดของจำเป็นเพื่ออดของไม่จำเป็น”
โดย บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 8-15 มิถุนายน 2561)
มนุษย์เราหลายคนเคยอดอาหารด้วยเหตุผลต่างกัน
บางคนอดเพราะไม่มีจะกินจริงๆ อย่างเช่นผู้ตกอยู่ในซากอาคารถล่มเพราะพิษของสงคราม คนเหล่านี้ต้องอดข้าวอดน้ำ 2-3 วันกว่าจะมีคนมาช่วย
บางคนมีกินแต่ตั้งใจอดอาหารเอง เพราะต้องการลดน้ำหนักหรือเพื่อรูปทรงที่ดีขึ้นของเรือนร่าง
บางคนก่อนเข้ารับการผ่าตัดหมอสั่งให้อดน้ำอดอาหารเป็นเวลา 24 ชั่วโมง เพื่อผลดีต่อการผ่าตัด
บางคนอดข้าวประท้วงทางการเมือง แต่ยังกินน้ำ วันไหนทนหิวไม่ไหวก็แอบหลบไปกินข้าวแล้วออกมาประท้วงต่อ
คนที่อดอาหารด้วยเหตุผลดังกล่าวล้วนได้รับผลสำเร็จตามที่ตัวเองตั้งใจไว้ แต่การอดอาหารดังกล่าวเป็นการอดอาหารด้วยเหตุผลทางโลก จึงมิใช่การอดอาหารตามหลักการศาสนา
เหตุผลอย่างเดียวที่ทำให้การอดอาหารเป็นการปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนาหรือที่เรียกว่าการถือศีลอดคือ การอดหรืองดเว้นเพื่อพระเจ้าหรือเพราะพระเจ้าสั่งให้อด และต้องอดด้วยความเต็มใจ แม้จะมีกินและสามารถกินได้ก็ตาม
เมื่อโมเสสถูกสั่งให้ขึ้นไปรับคัมภีร์โตราห์บนภูเขาในคาบสมุทรซีนาย เขารู้ว่าคัมภีร์โตราห์ที่เขาจะไปรับนั้นเหมือนดั่งน้ำทิพย์ที่ใสสะอาดจากฟากฟ้าเบื้องบน ถ้าตัวเขาเป็นเหมือนแก้วที่ไม่สะอาดหรือขุ่นมัวก็ไม่เหมาะสมที่จะบรรจุน้ำทิพย์ที่ใสสะอาด และหากมีน้ำทิพย์ใสอยู่ข้างใน แต่ถ้าแก้วสกปรก คนที่เห็นแก้วอาจไม่แน่ใจและไม่ดื่มน้ำทิพย์ที่ใสสะอาด ดังนั้น เขาจึงถือศีลอดอาหารและน้ำยาวนานถึง 40 วัน เพื่อขัดเกลาตัวเองให้เป็นแก้วใสไว้รับน้ำทิพย์อันสะอาดบริสุทธิ์จากพระเจ้า
การถือศีลอดอาหารและน้ำของเขาที่ทำไปเพื่อพระเจ้าจึงเป็นการปฏิบัติศาสนกิจ และเป็นต้นแบบการถือศีลอดของลูกหลานอิสราเอลนับแต่นั้นเป็นต้นมา
หลังสมัยของโมเสส ลูกหลานอิสราเอลส่วนใหญ่ได้ละทิ้งการถือศีลอดไปเพราะทนหิวกระหายไม่ไหว เนื่องจากโมเสสถือศีลอดวันละ 24 ชั่วโมง และกินเพียงมื้อเดียวเมื่อดวงอาทิตย์ลับขอบฟ้า ลูกหลานอิสราเอลส่วนใหญ่จึงถือศีลอดวันเดียวในรอบปี โดยถือในวันที่ตรงกับวันที่โมเสสขึ้นไปรับคัมภีร์โตราห์
เมื่อละทิ้งวินัยการถือศีลอด ศีลธรรมของพวกลูกหลานอิสราเอลจึงเสื่อมทรามเป็นเวลาหลายร้อยปี เยซัสไครสต์จึงมาฟื้นฟูการถือศีลอดตามแบบโมเสสอีกครั้ง แต่หลังจากสมัยของเยซัสไครสต์ สาวกส่วนใหญ่ของท่านก็ไม่ต่างอะไรไปจากสาวกของโมเสส น้อยคนที่ยังคงดำรงรักษาวินัยการถือศีลอดตามแบบอย่างของศาสดาที่ตัวเองนับถือ
การละทิ้งการถือศีลอดนี้เองที่ทำให้สาวกของเยซัสไครสต์รุ่นหลังๆเริ่มฝ่าฝืนคำสั่งห้ามหลายประการในพระธรรมบัญญัติ เช่น การห้ามกินเนื้อสุกร สุรา และดอกเบี้ย เป็นต้น
หลังสมัยเยซัสไครสต์ 570 ปี นบีมุฮัมมัดได้มาฟื้นฟูการถือศีลอดที่ทำให้ผู้ใหญ่ทั้งชายหญิงที่มีความศรัทธาทุกคนสามารถปฏิบัติได้ และถือเป็นศาสนกิจสำคัญที่ใครไม่ปฏิบัติถือเป็นบาปใหญ่ และเพื่อให้ทุกคนปฏิบัติได้ การอดอาหารและน้ำจึงเริ่มตั้งแต่ก่อนแสงอรุณปรากฏจนถึงดวงอาทิตย์ตก
การถือศีลอดตามหลักการอิสลามจะถูกถือว่าเป็นการปฏิบัติศาสนกิจก็ต่อเมื่อผู้ถือศีลอดมีเจตนาว่าจะทำเพื่อพระเจ้าเท่านั้น ไม่มีเหตุผลอื่นแอบแฝง และในคัมภีร์กุรอานกล่าวไว้ชัดเจนว่า วัตถุประสงค์ของการถือศีลอดมีเพียงประการเดียวเท่านั้น นั่นคือ เพื่อให้เกิดความรู้สึกยำเกรงพระเจ้า
การถือศีลอดในอิสลามต้องการจะให้บทเรียนแก่ผู้ถือศีลอดว่า ถ้าสิ่งจำเป็นเช่นข้าวและน้ำยังงดเว้นได้ ทำไมสิ่งที่ไม่จำเป็นเช่นอบายมุขที่ก่อให้เกิดบาปและโทษจะละเว้นไม่ได้
ดังนั้น การถือศีลอดในอิสลามจึงไม่เพียงแต่แค่อดอาหารและน้ำเท่านั้น แต่ยังต้องอดการคิดชั่ว พูดชั่ว ทำชั่ว ที่ศาสนาต้องการให้งดด้วย ถ้าอดข้าวและน้ำ แต่ยังพูดชั่วทำชั่วอยู่ การถือศีลอดก็เป็นแค่เพียงการหิวเปล่าเท่านั้นเอง
You must be logged in to post a comment Login