วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

พรหมลิขิต / โดย ศิลป์ อิศเรศ

On June 8, 2018

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 8-15 มิถุนายน 2561)

ทายาทมหาเศรษฐีเชื่อว่าเขาเกิดมาเพื่อเปลี่ยนแปลงประเทศไปในทางที่ดีขึ้นตามการชี้นำของดวงวิญญาณ ยอมทิ้งกิจการของครอบครัว เผชิญหน้าต่อสู้กับทรราชที่ปกครองเม็กซิโกมานาน 35 ปี

ฟรานซิสโก มาเดโร เกิดเมื่อวันที่ 30 ตุลาคม 1873 เป็นบุตรชายคนโตของมหาเศรษฐีเจ้าของกิจการมากมายหลายประเภท เช่น เหมืองถ่านหิน ไร่องุ่น ไร่ยางธรรมชาติ โรงปั่นฝ้าย โรงงานทอผ้า และธนาคาร สินทรัพย์ทั้งหมดมีมูลค่าราว 15 ล้านดอลลาร์ หรือค่าเงินปัจจุบันประมาณ 500 ล้านดอลลาร์ ได้ชื่อว่าเป็นตระกูลที่มั่งคั่งมากที่สุดตระกูลหนึ่งของเม็กซิโก

ฟรานซิสโกศึกษาในโรงเรียนที่ดีที่สุดของประเทศก่อนจะไปศึกษาต่อที่ฝรั่งเศสเมื่อปี 1886 ซึ่งที่นี่เองทำให้เขารู้จักผลงานของอัลแลน คาร์เดก บิดาแห่งลัทธิวิญญาณนิยม ฟรานซิสโกเข้าร่วมสัมมนากับผู้ที่มีความเชื่อแบบเดียวกัน จนกระทั่งเขามีความเชื่อว่าตัวเองสามารถติดต่อกับวิญญาณได้

ปี 1893 ฟรานซิสโกถูกเรียกตัวกลับเพื่อดูแลกิจการปศุสัตว์ในเมืองซานเปโดร เขาใช้เงินส่วนตัวสร้างโรงทาน ให้ที่พักอาศัยกับผู้ไร้ที่อยู่ และให้การรักษาคนยากไร้ที่เจ็บไข้ได้ป่วย แต่เขาก็ยังไม่ละทิ้งความเชื่อในลัทธิวิญญาณนิยม รวบรวมเพื่อนฝูงและญาติๆที่มีความเชื่อแบบเดียวกันล้อมวงทำพิธีเข้าทรงเชิญดวงวิญญาณ จนกระทั่งสามารถติดต่อกับราอูล น้องชายที่เสียชีวิตจากอุบัติเหตุเมื่ออายุได้เพียง 4 ขวบ

ภารกิจปลดแอก

ราอูลบอกกับฟรานซิสโกว่าการช่วยเหลือผู้ยากไร้เป็นเพียงบันไดขั้นแรกเท่านั้น มหาบุรุษจะต้องยอมหลั่งเลือดเพื่อปลดปล่อยเพื่อนร่วมชาติจากการถูกกดขี่ นับตั้งแต่นั้นมาฟรานซิสโกก็เริ่มสนใจด้านการเมือง

ปี 1904 ฟรานซิสโกลงสมัครนายกเทศมนตรี เขาแพ้คะแนนคู่แข่งอย่างเฉียดฉิวแต่เขาไม่ท้อถอย ปีถัดมาเขาเดินหน้าก้าวต่อไปด้วยการคัดค้านการสืบทอดอำนาจของประธานาธิบดีพอร์ฟิริโอ ดิแอซ ที่ปกครองเม็กซิโกมานานกว่า 30 ปี

ฟรานซิสโกสร้างเครือข่ายผู้ร่วมอุดมการณ์เดียวกัน เขาศึกษาประวัติศาสตร์เม็กซิโกเพื่อเตรียมข้อมูลต่อสู้กับรัฐบาลเผด็จการทรราชจนกระทั่งพร้อมที่จะออกลุย ปี 1908 เขาพิมพ์หนังสือ La Sucesión Presidencial (การสืบทอดอำนาจตำแหน่งประธานาธิบดี) เพื่อปลุกกระแสประชาชน

ขณะเดียวกันฟรานซิสโกได้รับคำแนะนำจากวิญญาณเบนิโต ฮัวเรซ อดีตประธานาธิบดีผู้ต่อต้านฝ่ายอนุรักษ์นิยมในสงครามปฏิรูปและผู้นำต่อต้านการรุกรานของฝรั่งเศส ฟรานซิสโกส่งหนังสือเล่มหนึ่งให้กับประธานาธิบดีพอร์ฟิริโอ พร้อมกับจดหมายมีใจความว่าขอให้ก้าวลงจากตำแหน่งแต่โดยดี

ต้องใช้กำลังเท่านั้น

การปลุกกระแสให้ต่อต้านการสืบทอดอำนาจประธานาธิบดีแพร่ขยายออกไปเป็นวงกว้างทั่วประเทศ เก้าอี้พอร์ฟิริโอเริ่มสั่นคลอน เพื่อเป็นการตัดไฟแต่ต้นลม ปี 1910 พอร์ฟิริโอออกคำสั่งจับกุมตัวฟรานซิสโก แต่พ่อของฟรานซิสโกใช้อำนาจเงินและอิทธิพล ทำให้ฟรานซิสโกสามารถหลบหนีไปซ่อนตัวที่ชายแดนฝั่งอเมริกา

ฟรานซิสโกรวบรวมกำลังพลจัดตั้งกองทัพปลดแอก พวกเขาเลือกฟรานซิสโกให้เป็นประธานาธิบดีเม็กซิโก จับอาวุธต่อสู้โค่นล้มรัฐบาลทรราช โดยแบ่งเป็น 2 กลุ่มใหญ่ๆ เอมีเลียโน ซาปาตา เป็นผู้นำกองทัพภาคใต้ และโดโรตีโอ อะแรงโก หรือที่นิยมเรียกกันในชื่อพานโช วิลลา เป็นผู้นำกองทัพภาคเหนือ

พานโช วิลลา นำกองทัพเข้ายึดเมืองซิวแดดฮัวเรซ ผู้บัญชาการกองทัพฝ่ายรัฐบาลถูกควบคุมตัวเพื่อรอการประหารชีวิต ฟรานซิสโกเข้าไปขวาง คัดค้านการประหารชีวิต ทำให้พานโช วิลลา โกรธมากถึงขั้นยกปืนขึ้นจ่อที่หัวฟรานซิสโกสั่งให้หลีกทาง ฟรานซิสโกโต้ตอบด้วยน้ำเสียงเรียบๆว่า “ฉันเป็นหัวหน้า (ปฏิวัติ) ฉันท้าให้ยิงเดี๋ยวนี้” พานโช วิลลา ลดปืนลง พร้อมกับกล่าวคำขอโทษด้วยน้ำตานองหน้า

วันที่ 21 พฤษภาคม 1911 พอร์ฟิริโอยอมลงจากตำแหน่งประธานาธิบดีและหนีออกนอกประเทศไปยังฝรั่งเศส แทนที่ฟรานซิสโกจะเข้ายึดเก้าอี้ประธานาธิบดีโดยทันที เขากลับทำเพียงแค่ตั้งรัฐบาลรักษาการเพื่อรอการจัดการเลือกตั้งอย่างถูกต้องตามวิถีทางระบอบประชาธิปไตย

เดินหมากผิด

การปฏิเสธเข้านั่งตำแหน่งประธานาธิบดีโดยทันทีทำให้ผู้นำกองทัพปลดแอกบางคนมองว่าเป็นการทรยศต่อพวกพ้อง พวกเขายอมพลีชีพเพื่อเปิดทางให้ฟรานซิสโกเข้ามาบริหารประเทศ แม้ว่าฟรานซิสโกจะได้รับเลือกให้เป็นประธานาธิบดีอย่างเป็นทางการในเดือนพฤศจิกายน 1911 แต่เขายังคงเก็บรัฐมนตรีบางคนในรัฐบาลพอร์ฟิริโอเอาไว้ สร้างความไม่พอใจให้กับพันธมิตรของเขาอีกครั้ง

ฟรานซิสโกคืนเสรีภาพการเสนอข่าวสารให้กับสื่อ หนังสือพิมพ์ฉวยโอกาสเขียนบทความโจมตีรัฐบาลเขาโดยทันที ปี 1912 ปัสกวัล โอรอซโค หนึ่งในผู้นำกองทัพปลดแอก อดีตพันธมิตรฟรานซิสโก รวบรวมกำลังพลเพื่อต่อต้านรัฐบาลฟรานซิสโก

นายพลวิกตอเรียโน ฮัวตา ออกคำสั่งให้พานโช วิลลา นำกองทัพไปต้านทัพฝ่ายต่อต้าน พานโช วิลลา พ่ายแพ้ในศึกครั้งนี้ นายพลวิกตอเรียโนโกรธเป็นฟืนเป็นไฟกล่าวหาว่าพานโช วิลลา ไม่ปฏิบัติตามคำสั่ง สั่งให้นำตัวไปประหารชีวิต ฟรานซิสโกเข้ามาแทรกแซงอีกครั้งโดยลดโทษให้เป็นแค่ขังคุก

วันที่ 25 ธันวาคม 1912 พานโช วิลลา หลบหนีจากที่คุมขัง ส่งผลให้นายพลวิกตอเรียโนเป็นเดือดเป็นแค้นมาก เกิดความไม่พอใจในตัวฟรานซิสโก ย้ายข้างไปสมคบคิดกับปัสกวัลโดยมีอเมริกาหนุนหลัง

วงจรอุบาทว์

วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 1913 นายพลวิกตอเรียโนกระทำรัฐประหาร ยึดครองอำนาจขึ้นนั่งเก้าอี้ประธานาธิบดี ฟรานซิสโกถูกควบคุมตัว วันที่ 22 กุมภาพันธ์ ฟรานซิสโกถูกนำตัวไปคุมขังที่เรือนจำ ระหว่างทางเกิดเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด ฟรานซิสโกถูกยิงเสียชีวิตก่อนจะถึงเรือนจำ

ตำรวจผู้ควบคุมตัวนักโทษให้การว่า ฟรานซิสโกพยายามหลบหนี โดยมีกลุ่มคนซุ่มดักรออยู่ข้างทาง เกิดการยิงปะทะกันระหว่างตำรวจกับกลุ่มคนที่รอชิงตัวฟรานซิสโก กระสุนถูกฟรานซิสโกเสียชีวิตระหว่างการปะทะ เป็นเรื่องพิสดารเกินกว่าจะเชื่อได้ แต่ก็ไม่มีใครทำอะไรได้ เพราะตกอยู่ใต้การปกครองระบอบเผด็จการ (อีกครั้ง)

นายพลวิกตอเรียโนหวังจะยึดอำนาจปกครองประเทศด้วยกระบอกปืน เขาปฏิเสธจะให้มีการเลือกตั้ง ทำให้เกิดการต่อต้านจากทั้งภายในและภายนอกประเทศ ในที่สุดก็ถูกบีบให้ลงจากหลังเสือ หลบหนีออกนอกประเทศไปเมื่อวันที่ 15 กรกฎาคม 1914 แต่การแย่งชิงอำนาจโดยใช้กองกำลังของแต่ละฝ่ายยังคงดำเนินต่อไปจนถึงปี 1929

ฟรานซิสโก มาเดโร ผู้ที่เกิดในตระกูลผู้ลากมากดี มีทรัพย์สินเงินทองมากมายมหาศาลใช้ทั้งชาติก็ไม่หมด แต่กลับยอมทิ้งชีวิตสุขสบายเพื่อปลดปล่อยเพื่อนร่วมชาติจากการปกครองของรัฐบาลทรราชตามคำชี้แนะของวิญญาณ เพราะคิดว่าสิ่งนั้นคือพรหมลิขิตที่ขีดเส้นให้ทางเดินกับเขาไว้แล้ว

688-1

1.ฟรานซิสโก มาเดโร

688-2

2.ฟรานซิสโกท่ามกลางนายทหาร

688-3

3.เอมีเลียโน ซาปาตา

688-4

4.พานโช วิลลา (กลาง)

688-5

5.ฟรานซิสโกปราศรัยต่อต้านการสืบทอดอำนาจ

688-6

6.พานโช วิลลา (ซ้าย) และเอมีเลียโน ซาปาตา

688-7

7.พอร์ฟิริโอ ดิแอซ

688-8

8.พานโช วิลลา บุกโจมตีกองทัพของปัสกวัล

688-9

9.กองทัพของปัสกวัล

688-10

10.วิกตอเรียโน (ซ้าย) สวมกอดปัสกวัล


You must be logged in to post a comment Login