- อย่าไปอินPosted 22 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ขายผ้าเอาหน้ารอด
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
การหาสมาชิกพรรคให้ได้ตามจำนวนที่กฎหมายกำหนดเพื่อทำไพรมารีโหวตคัดเลือกตัวผู้สมัคร ส.ส. แต่ละเขตกำลังเป็นปัญหาใหญ่ของทั้งพรรคการเมืองเก่าและพรรคการเมืองใหม่ แม้ยังไม่มีอะไรชัดเจน แต่เชื่อว่าปัญหานี้ถูกแก้ไขแน่ เพราะเป็นอุปสรรคใหญ่สำหรับพรรคใหม่ที่จะทำภารกิจสืบทอดอำนาจ แนวทางที่น่าจะเป็นคือการขายผ้าเอาหน้ารอด แก้เฉพาะกิจใช้ครั้งเดียวเพื่อให้ได้จัดเลือกตั้ง และไม่ส่งผลกระทบกับภารกิจของพรรคการเมืองใหม่ ส่วนจะขายผ้ากันอย่างไรต้องรอดูภูมิปัญญาของพวกเนติบริกรว่าจะเขียนอะไรยัดใส่มือนาย
สถานการณ์การเมืองยังรอความชัดเจนเรื่องแรกจากฝ่ายคุมอำนาจประเทศไทย คือการนัดคุยกับพรรคการเมืองเพื่อล็อกวันเลือกตั้ง
ตามข่าวที่ว่าจะคุยกันแน่ภายในเดือนนี้ ผ่านเข้าสัปดาห์ที่สองแล้วยังนิ่งเงียบ ไม่มีกำหนดพูดคุยอย่างเป็นทางการ
มีแต่ข่าวว่าจะเพิ่มรอบคุย จากเดิมที่กำหนดไว้รอบเดียวอาจต้องเพิ่มเป็น 2 รอบ โดยอ้างว่าการพูดคุยกันครั้งแรกจะเป็นเพียงให้พรรคการเมืองได้ปรับทุกข์เพื่อไปกำหนดหัวข้อแล้วกลับมาล้อมวงคุยกันอีกครั้งเพื่อหาทางแก้ปัญหาต่างๆที่พรรคการเมืองนำเสนอจากการพูดคุยนัดแรก
ทั้งนี้ หากฟังความเห็นจากฝ่ายการเมืองดูเหมือนว่าปัญหาที่ต้องการให้ผู้มีอำนาจแก้ไขมีอยู่ไม่กี่เรื่อง
ทุกเรื่องดูเหมือนพรรคการเมืองจะแก้ได้ด้วยตัวเองหากปลดล็อกให้ทำกิจกรรมทางการเมืองอย่างเต็มที่ ไม่เว้นแม้แต่ปัญหาใหญ่อย่างการหาสมาชิกพรรคทั่วประเทศเพื่อเตรียมทำไพรมารีโหวตวางตัวผู้สมัคร ส.ส. แต่ละเขต
หลักการทำไพรมารีโหวตคือ ในพื้นที่ที่เป็นที่ตั้งสาขาพรรคต้องมีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 500 คน ส่วนพื้นที่ที่ไม่ได้เป็นที่ตั้งสาขาพรรคต้องมีสมาชิกไม่ต่ำกว่า 100 คน ที่จะต้องมาประชุมกันเพื่อลงคะแนนเลือกว่าจะส่งใครเป็นตัวแทนลงสมัคร ส.ส. ในเขตพื้นที่นั้น
ขณะนี้ดูเหมือนว่าพรรคการเมืองทุกพรรคไม่ว่าพรรคเก่าหรือพรรคใหม่มีปัญหาในการหาสมาชิกพรรคให้ได้ตามจำนวน พรรคเก่าที่เคยมีสมาชิกทั่วประเทศจำนวนมากได้รับผลกระทบจากคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 แก้ไขพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมืองให้ใช้วิธียืนยันความเป็นสมาชิก
พรรคการเมืองใหญ่อย่างประชาธิปัตย์และเพื่อไทยอาจมีปัญหาน้อยเมื่อเทียบกับพรรคการเมืองเล็ก
ยกตัวอย่างเช่น พรรคชาติไทยพัฒนาของอดีตนายกรัฐมนตรีผู้ล่วงลับ นายบรรหาร ศิลปอาชา
หลังหมดเขตให้ยืนยันการเป็นสมาชิกเมื่อสิ้นเดือนเมษายนที่ผ่านมา ผลปรากฏว่าพรรคชาติไทยพัฒนามีสมาชิกยืนยันการเป็นสมาชิกแค่ 4,000 กว่าคน หากพรรคชาติไทยพัฒนาต้องการส่งผู้สมัคร ส.ส. ครบทั้ง 350 เขตเลือกตั้ง จะต้องหาสมาชิกทั่วประเทศเพิ่มให้ได้ 8,000-10,000 คน
ขณะนี้พรรคการเมืองยังติดโซ่ตรวนประกาศคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ห้ามทำกิจกรรมทางการเมือง จึงไม่สามารถตั้งโต๊ะรับสมัครสมาชิกหรือไปรณรงค์ให้ประชาชนมาสมัครเป็นสมาชิกพรรคได้
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าที่สุดแล้วปัญหานี้จะได้รับการแก้ไข
ถ้าไม่แก้ไขพรรคการเมืองน้องใหม่ที่เปิดตัวสนับสนุน “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเก้าอี้นายกฯเป็นคำรบสองหลังการเลือกตั้งก็จะเจอปัญหาแบบเดียวกันกับที่พรรคการเมืองเก่าขนาดเล็กเจอ คือไม่สามารถส่งผู้สมัครครบทั้ง 350 เขตเลือกตั้งได้
หากส่งผู้สมัครได้น้อยเขตจะมีผลกระทบไปถึงคะแนนเสียงที่จะได้ส่วนแบ่ง ส.ส. ในระบบบัญชีรายชื่อ เป้าที่ตั้งไว้ว่าไม่จำเป็นต้องชนะที่ 1 ทุกเขต ขอเกาะที่ 2 ที่ 3 เพื่อเอาคะแนนปาร์ตี้ลิสต์ก็จะมีปัญหาไปด้วย
ปัญหาจากการทำไพรมารีโหวตจะถูกแก้ไขแน่ เพียงแต่จะแก้อย่างไรเท่านั้น ดูเหมือนว่าทางแก้จะมีไม่กี่ทาง แต่ข้อเรียกร้องให้แก้กฎหมายยกเลิกไปเลยคงเป็นไปไม่ได้ เพราะติดกับดักวาทกรรมปฏิรูป
แนวทางที่น่าจะเป็นคือการขายผ้าเอาหน้ารอดเพื่อให้ได้จัดเลือกตั้งและไม่ส่งผลกระทบกับภารกิจของพรรคการเมืองใหม่ ส่วนจะขายผ้ากันอย่างไรต้องรอดูภูมิปัญญาของพวกเนติบริกรว่าจะเขียนอะไรยัดใส่มือนาย
You must be logged in to post a comment Login