วันพฤหัสที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

“ DOD ”เคาะราคาเสนอขายIPO 9.30 บาท

On June 12, 2018

นายคมกฤต มีคำสัตย์ ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการฝ่ายตลาดทุน บริษัทหลักทรัพย์ เคที ซีมิโก้ จำกัด ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่าย(Lead Underwriter) หุ้นสามัญเพิ่มทุน บริษัท ดีโอดี ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD เปิดเผยว่า บริษัทฯได้กำหนดราคาเสนอขายหลักทรัพย์ หลังจากสำรวจความต้องการซื้อหุ้น (Book Building) ของนักลงทุนสถาบัน โดยมีการกำหนดช่วงราคาเสนอขายที่ 9.00 – 9.30 บาทต่อหุ้น พบว่ามีนักลงทุนสถาบันแสดงความสนใจซื้อหุ้นเข้ามาเป็นจำนวนมาก  ซึ่งสะท้อนถึงความเชื่อมั่นในพื้นฐานธุรกิจ และศักยภาพการเติบโตของ DOD จึงได้กำหนดราคาเสนอขาย IPO ที่หุ้นละ 9.30 บาท ซึ่งจะกำหนดเปิดให้นักลงทุนจองซื้อในช่วงระหว่างวันที่ 12 -14 มิถุนายนนี้  โดยมีบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน) บริษัท หลักทรัพย์ฟิลลิป (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) และ บริษัทหลักทรัพย์ ทิสโก้ จำกัด เป็นผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย(Co-Underwriter)หุ้นสามัญเพิ่มทุนในครั้งนี้

ทั้งนี้ DOD เตรียมเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนให้กับประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 110 ล้านหุ้น คิดเป็นร้อยละ 26.83 ของจำนวนหุ้นสามัญที่ออกและเรียกชำระแล้วภายหลังการเพิ่มทุน ซึ่งปัจจุบันบริษัทฯ มีทุนจดทะเบียนที่เรียกชำระแล้ว 150 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้น 300 ล้านหุ้น มูลค่าที่ตราไว้หุ้นละ 0.50 บาท และจะเพิ่มทุนจดทะเบียนเป็น 205 ล้านบาท คิดเป็นจำนวนหุ้น 410 ล้านหุ้น โดยการเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนจำนวน 110 ล้านหุ้น และคาดว่าจะเข้าทำการซื้อขายวันแรก ในตลาดหลักทรัพย์เอ็ม เอ ไอ ภายในวันที่ 20 มิถุนายนนี้

“ การกำหนดราคาIPO ที่ระดับราคา 9.30 บาทต่อหุ้น ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม เมื่อเทียบกับปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่ง และแนวโน้มการเติบโตอย่างต่อเนื่องแบบมั่นคงและยั่นยืน ทั้งนี้ DOD ถือเป็นบริษัทผู้ประกอบการไทยรายแรก ในตลาดหลักทรัพย์ฯ ที่เป็นผู้นำด้านการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากสารสกัดจากธรรมชาติ ในรูปแบบ ODM ที่ให้บริการครบวงจร แบบ One Stop Service ที่มีความพร้อมด้วยทีมวิจัยและพัฒนาเน้นนวัตกรรมที่ทันสมัยและมาตรฐานการผลิตที่ได้คุณภาพเป็นที่ยอมรับในระดับสากล ” นายคมกฤต กล่าว

ด้านนางสาวศุภมาส อิศรภักดี ประธานกรรมการบริหาร และกรรมการผู้จัดการ บริษัท ดีโอดี  ไบโอเทค จำกัด (มหาชน) หรือ DOD กล่าวว่า การกำหนดราคาIPO ที่ระดับราคา 9.30 บาทต่อหุ้น เป็นระดับราคาที่บริษัทฯเหมาะสม  เมื่อเทียบกับอัตราการเติบโตจากการขยายธุรกิจของบริษัทฯในอนาคต โดยบริษัทฯจะนำเงินที่ได้จากการระดมทุนในครั้งนี้ ไปใช้เพื่อลงทุนในโรงงานสกัดวัตถุดิบที่มีเทคโนโลยีและเครื่องจักรที่ทันสมัย  (โรงที่ 2) เพื่อสกัดสารสกัดซึ่งเป็นส่วนประกอบสำคัญในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร รวมถึงการสกัดเพื่อจำหน่ายในประเทศและส่งออก

พร้อมทั้ง มีแผนลงทุนในห้องปฏิบัติการวิจัยระดับสากลโดยมีการขอรับรองมาตรฐาน ISO 17025 สามารถตรวจสอบคุณสมบัติเฉพาะของสารสกัดที่ได้จากโรงสกัด รับจ้างตรวจสอบทางเคมีและทางจุลชีววิทยาให้กับหน่วยงานอื่น และเพื่อรักษาความลับทางการค้า รวมถึงเพื่อใช้พัฒนาตราสินค้าใหม่ของบริษัทฯ ได้แก่ ผลิตภัณฑ์เพื่อตอบสนองกลุ่มผู้สูงอายุที่มุ่งเน้นการมีสุขภาพที่ดี และผลิตภัณฑ์สมุนไพรตรีผลาที่มีคุณสมบัติช่วยดูแลสุขภาพ ฟื้นฟูระบบการทำงานของร่างกาย ช่วยในระบบย่อยและขับถ่าย นอกจากนี้ จะนำเงินไปชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และเพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนในกิจการ

“ DOD ถือว่าเป็นโรงงานผลิตภัณฑ์เสริมอาหารายแรกๆในประเทศไทย ที่มีการนำเครื่องสกัดด้วย Co2 ที่ใช้เพื่อการอุตสาหกรรม ซึ่งสามารถลดต้นทุนการผลิตและสามารถควบคุมคุณภาพของสารสกัด รวมถึงการส่งออกสารสกัดในอนาคต โอยอิงจากแผนแม่บทแห่งชาติว่าด้วย การพัฒนาสมุนไพรไทย ฉบับที่ 1 (พ. ศ. 2560 -2564) พร้อมกันนี้DOD ยังได้รับในการันตีความน่าเชื่อถือ ภายใต้มาตรฐาน ISO22000:2005, HACCP, GMP Codex และ HALAL รวมถึงยกระดับการผลิต โดยการผลิตในห้องปลอดเชื้อ (Clean Room) ซึ่งเป็นมาตรฐานการผลิตเดียวกับการผลิตผลิตภัณฑ์ยา มาใช้ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร เนื่องจากนโยบายหลักของ DOD คือการที่ใส่ใจดูแลลูกค้าและรักษาความลับทางการค้า ทำให้ลูกค้ามีความมั่นใจและเชื่อมั่นที่จะผลิตสินค้ากับ DOD ขณะเดียวกัน บริษัทฯได้รับการส่งเสริมการลงทุนจาก BOI ซึ่งเป็นหน่วยงานของภาครัฐ  ซึ่งปัจจัยดังกล่าวถือว่าเป็นข้อได้ความได้เปรียบในการดำเนินธุรกิจของDOD ซึ่งจากปัจจัยดังกล่าว สามารถเป็นเครื่องตอกย้ำความเชื่อมั่นต่อนักลงทุนได้เป็นอย่างดี  ” นางสาวศุภมาส กล่าว

ด้าน นางนิสาภรณ์ ฤกษ์อร่าม กรรมการผู้จัดการ บริษัท แอดไวเซอรี่ พลัส จำกัด  ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงิน กล่าวเสริมว่า บมจ.ดีโอดี ไบโอเทค (DOD) มีอัตราการเติบโตอย่างโดดเด่น ทั้งนี้เป็นผลจากแนวโน้มของกลุ่มที่ดูแลสุขภาพและความงาม ที่บริโภคอาหารเสริมและวิตามิน ยังมีความต้องการที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้บริษัทฯได้รับอานิสงค์ ในการผลิตผลิตภัณฑ์เสริมอาหารในรูปแบบ ODM เข้ามาต่อเนื่อง ซึ่งสะท้อนให้เห็นในผลการดำเนินงานของบริษัทฯย้อนหลัง ตั้งแต่ปี 2558 จนถึงล่าสุดไตรมาส 1/2561 มีอัตราการเติบโตต่อเนื่องและก้าวกระโดด โดยปี 2558 มีรายได้รวม 385.36 ล้านบาท กำไรสุทธิ 128.89 ล้านบาท ปี 2559 มีรายได้รวม  368.37 ล้านบาท กำไรสุทธิ 138.78 ล้านบาท ปี 2560 มีรายได้รวม 388.56 ล้านบาท  กำไรสุทธิ 142.19 ล้านบาท ส่วนผลการดำเนินงานงวดล่าสุดไตรมาส 1/2561 บริษัทฯมีรายได้รวม 214.56 ล้านบาท กำไรสุทธิ 111.21 ล้านบาท

“ DOD  มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง มีอัตราการเติบโตการทำกำไรได้สูง โดยผลการดำเนินงานที่มีการเติบโตอย่างโดดเด่น ซึ่งจัดว่าบริษัทฯมีศักยภาพการขยายตัวทางธุรกิจอย่างต่อเนื่อง และมีอัตราหนี้สินต่อทุน (D/E) ไม่ถึง 1 เท่า และบริษัทฯ มีนโยบายการจ่ายเงินปันผลให้แก่ผู้ถือหุ้น ไม่น้อยกว่าร้อยละ 50 ของกำไรสุทธิ ” นางนิสาภรณ์ กล่าว


You must be logged in to post a comment Login