- ปีใหม่ขอให้มีสติปัญญาใหม่ๆPosted 3 hours ago
- ความรู้วิเศษช่วยลดทุกข์Posted 1 day ago
- แก้สันดานหัวดื้อให้หายดื้อPosted 2 days ago
- ลองเป่าเศรษฐกิจให้โป่งทีPosted 5 days ago
- วัดสวนแก้วจัดงานต้อนรับปีใหม่Posted 6 days ago
- ขอให้คนไทยมีสติPosted 1 week ago
- ธรรมะใช้ได้ทุกวงการPosted 1 week ago
- ช่วยขจัดเหตุความชั่วร้ายPosted 1 week ago
- ใครเป็นนายกฯตัวจริงPosted 2 weeks ago
- ชอบผู้นำสไตล์ไหนPosted 2 weeks ago
ความเป็นมนุษย์ / โดย พระพยอม กัลยาโณ
คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม
ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ
คำว่า “หน้าแตก” หรือ “หน้าแหก” คือเรื่องที่ทำให้เสียหน้า ซึ่งรัฐบาลนี้เสียหน้าหลายเรื่อง เรื่องล่าสุดคือการตามจับอดีตพระพรหมเมธี (จำนงค์ เอี่ยมอินทรา) อดีตผู้ช่วยเจ้าอาวาสวัดสัมพันธวงศาราม ผู้ต้องหาคดีเงินทอนวัด ที่เยอรมนี โดย พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ เดินทางไปเอง แต่ก็ล้มเหลว เพราะอดีตพระพรหมเมธีทำเรื่องขอลี้ภัย ซึ่งตามขั้นตอนของเยอรมนีจะใช้เวลาประมาณ 2 เดือน
พล.ต.อ.จักรทิพย์จึงต้องเดินทางกลับมามือเปล่า รัฐบาลก็เสียหน้าเพราะออกข่าวใหญ่โตจะจับอย่างนั้นอย่างนี้ ต้องหลบหน้าสื่อ ไม่ต้องการให้สื่อสัมภาษณ์ เพราะหน้าแตก พระผู้ใหญ่หลายรูปก็จับได้แล้ว เหลือแต่อดีตพระพรหมเมธีจับยากจับเย็น จับไม่ได้ แถมยังฉีกหน้าเจ้าหน้าที่ไทยอีก
เรื่องนี้สะท้อนให้เห็นอะไรบางอย่าง เรื่องของพระที่ธรรมะพาหนีออกจากโลก พระถูกผู้หญิงอุ้มพาหนีออกจากแผ่นดิน ออกจากความเป็นสมณะ เป็นเรื่องที่สะเทือนพระศาสนาแน่นอน
อันดับแรกเมื่อหนีไปขอลี้ภัยก็เท่ากับออกจากความเป็นคนไทย หลบลี้หนีภัยไปอยู่ต่างประเทศ เพราะแผ่นดินที่เกิดไม่มีที่จะให้อยู่ สีกาก็ช่างรู้ใจ ช่วยพระหนี แต่ตัวเองกลับหนีไม่รอด อย่างคำที่ว่า “รู้รักษาตัวรอดเป็นยอดดี”
อันนี้เป็นบทเรียนให้คิด จะทำอะไรต้องคิดอ่านให้รอบคอบ จะเห็นอกเห็นใจอย่างไรก็ต้องดูว่าผิดหรือถูก เกิดเป็นคนต้องรู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ซึ่งท่านเหลี่ยวฝาน ปรมาจารย์ลัทธิเต๋า พูดว่า ความดีเลิศประเสริฐของมนุษย์อยู่ที่ว่ารู้ว่าอะไรควรทำ อะไรไม่ควรทำ ความเลวล้ำเลิศของมนุษย์อยู่ที่ทำสิ่งที่ไม่ควรทำ คือสิ่งที่เลวที่สุด
สิ่งที่ล้ำเลิศที่สุดอยู่ที่รู้ว่าอะไรควรทำก็ทำ อะไรไม่ควรทำก็ไม่ทำเด็ดขาด อันนี้เป็นความฉลาดของความเป็นมนุษย์ที่ล้ำเลิศ ซึ่งท่านเหลี่ยวฝานให้โอวาทไว้น่าคิด
ดังนั้น คนไทยเราเป็นเมืองพุทธ การที่พาพระหนีตัวเองก็ต้องมีความผิดโดนคดีไปด้วย อย่างนี้เป็นการช่วยเหลือคนผิดแล้วตัวเองยังไม่รอด เรียกว่ากรรมใดใครก่อ กรรมนั้นตามสนอง ทำไมไม่มีความคิด คนอื่นก่อกรรม แต่ตัวเองกลับมารับกรรมแทน อันนี้เป็นเรื่องที่น่าสลดใจ น่าสังเวชใจมาก ก็ขอฝากว่าอย่าให้มีรายต่อไปเลย รู้จักแยกแยะความเป็นอุบาสก อุบาสิกาให้ดี อย่าให้พลาดท่าเสียทีอย่างนี้อีก
เจริญพร
You must be logged in to post a comment Login