วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

ดื่มนม คนเถื่อน / โดย ศิลป์ อิศเรศ

On June 15, 2018

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 15-22 มิถุนายน 2561)

สมัยอดีตกาลยุคจักรวรรดิโรมันเรืองอำนาจ พวกเขาแบ่งแยกอารยชนกับอนารยชนจากพฤติกรรมการบริโภคนม ถึงกับมีคำกล่าวว่ามีแต่คนป่าเถื่อนเท่านั้นที่ดื่มนม

หลังจากที่จูเลียส ซีซาร์ ยกทัพบุกเกาะบริเทนเมื่อราว 55 ปีก่อนคริสตกาล เขาประหลาดใจที่พบว่าชาวเกาะบริเทนตอนเหนือดื่มนมเป็นกิจวัตรประจำวัน เพราะในยุคสมัยนั้นมีความเชื่อว่านมเป็นแหล่งอาหารสุดท้ายของคนที่ไม่มีอะไรจะกิน การที่ชาวเกาะบริเทนตอนเหนือดื่มนมเป็นอาหารหลักเป็นเครื่องพิสูจน์ว่าพวกเขาเป็นคนป่าเถื่อน ไร้อารยธรรม

ไม่เพียงเฉพาะนมเท่านั้น เนยเหลวซึ่งเป็นไขมันจากน้ำนมมีประโยชน์แค่เป็นเพียงเชื้อเพลิง ไม่ใช่ของที่จะเอามาบริโภค คำว่า Butter (เนยเหลว) ถูกใช้เป็นคำเหยียดหยาม ดูถูกดูแคลน หมายถึงพวกคนชั้นต่ำ

ผลิตภัณฑ์จากนมที่ควรค่าแก่การบริโภคมีเพียงอย่างเดียวคือ เนยแข็ง มันถูกนำขึ้นโต๊ะอาหารเคียงข้างขนมปัง น้ำมันมะกอก ไข่ไก่ และน้ำผึ้ง บางครั้งเนยแข็งก็ถูกส่งให้แก่กันเป็นของขวัญ

อาหารคนยาก

สาเหตุหนึ่งที่ชาวโรมันไม่นิยมบริโภคนมและผลิตภัณฑ์จากนมก็คือ มันเก็บได้ไม่นาน บูดเสียง่าย แม้กระทั่งการนำเนยเหลวมาใช้เป็นเชื้อเพลิงก็ยังไม่นิยมเช่นเดียวกัน เพราะพวกเขามีน้ำมันมะกอกที่มีคุณสมบัติดีกว่า ให้ความร้อนสูงกว่า แต่มีเขม่าน้อยกว่า

จากการที่นมบูดเสียง่าย เก็บรักษาได้ไม่นาน ทำให้ต้องบริโภคทันที ด้วยเหตุนี้เองผู้ที่ดื่มนมสดจึงมีเฉพาะเกษตรกรที่เลี้ยงวัว แพะ แกะ หรือคนที่อาศัยอยู่บริเวณข้างเคียงเท่านั้น เกษตรกรเหล่านี้ล้วนเป็นคนยากไร้ ทำให้เกิดความเชื่อว่านมเป็นอาหารของชนชั้นต่ำเท่านั้น

ความเชื่อดังกล่าวถูกถ่ายทอดไปยังราชวงศ์อังกฤษยุคต่อมา ไฟน์ส มอริสัน อุปราชสมัยพระนางเจ้าอลิซาเบธที่ 1 เขียนบันทึกด้วยความประหลาดใจว่าชาวไอริชบริโภคเนยเหลวเป็นก้อนๆ ซึ่งมีความหมายว่าเป็นพวกไร้อารยธรรม บริโภคของที่ไม่ควรบริโภค

สภาพภูมิอากาศของยุโรปตอนใต้อบอุ่นกว่าตอนเหนือ ทำให้นมและเนยเหลวบูดเสียง่าย พวกเขาจึงไม่นิยมบริโภค ต่างจากคนที่อาศัยอยู่บริเวณตอนเหนือที่นิยมบริโภคนมและเนยเหลว ชาวยุโรปตอนใต้จึงมักดูแคลนชาวยุโรปตอนเหนือว่าเป็นพวกไร้อารยธรรม

หนอนเนย

ชนชาติที่นิยมบริโภคนมและเนยมากที่สุดเห็นจะได้แก่ชาวดัตช์ สมัยโบราณพวกเขาถูกชนชาติอื่นดูแคลนว่าเป็นคนหยาบและเป็นตัวตลก ชาวอังกฤษเคยเรียกชาวดัตช์ว่าเป็นพวกถึก ตัวบวม เป็นหนอนเนยมีขา

บนโต๊ะอาหารชาวดัตช์จะมีเนยหลากหลายชนิด ที่ขาดไม่ได้คือหางนมและนมหมักที่ต้องมีติดบ้านอยู่เสมอ เนยเหลวถูกใช้เป็นส่วนประกอบอาหารแทบจะทุกอย่างแม้แต่การทำสตู

สมัยศตวรรษที่ 16 กองทัพเรือดัตช์ได้ชื่อว่าเป็นกองทัพที่น่าเกรงขามที่สุด ทหารเรือทุกนายจะได้อาหารปันส่วนเนยแข็ง ½ ปอนด์ เนยเหลว ½ ปอนด์ และขนมปังก้อน 5 ปอนด์ต่อสัปดาห์ มีทหารประจำการบนเรือราว 100 นาย เท่ากับว่าการออกเรือแต่ละครั้งจะต้องบรรทุกเนยประมาณ 1.25 ตัน

ชาวดัตช์เชื่อว่าผลิตภัณฑ์จากนมเป็นอาหารที่ดีต่อสุขภาพ พวกเขาผลิตเนยมากมายหลายชนิด มีตลาดขายเนย ชาวดัตช์นิยมบริโภคเนย ถึงขนาดมีเนยปรากฏอยู่ในภาพเขียนของจิตรกรที่มีชื่อเสียงหลายภาพ

เจ้าพ่อชลประทาน

เนเธอร์แลนด์เป็นดินแดนที่อยู่ต่ำกว่าระดับน้ำทะเล เนื่องจากพื้นที่ส่วนใหญ่เคยเป็นทะเลมากก่อน ที่ราบสูงมีอยู่เพียงแห่งเดียวเท่านั้นอยู่ทางตะวันออกเฉียงใต้ของเมืองลิมเบิร์ก ชาวดัตช์จึงจำเป็นต้องปกป้องผืนดินไม่ให้ถูกน้ำทะเลท่วม

นับตั้งแต่ศตวรรษที่ 13 ชาวดัตช์สร้างเขื่อนปิดกั้นช่องทางที่น้ำทะเลจะเข้าสู่แผ่นดิน สร้างลำรางระบายน้ำเพื่อใช้ทำ เกษตรกรรม ชาวดัตช์ได้ชื่อว่าเป็นชนชาติที่เชี่ยวชาญด้านบริหารจัดการน้ำมากที่สุดในโลก

การบริหารจัดการน้ำอย่างมีประสิทธิภาพทำให้ผลผลิตทางการเกษตรมีคุณภาพ โดยเฉพาะวัวที่เป็นแหล่งอาหารหลักของชาวดัตช์ให้น้ำนมมากกว่าวัวชนชาติอื่นๆ ทำให้มีราคาสูงกว่าวัวทั่วๆไป

ชาวดัตช์ไม่หยุดอยู่เพียงแค่นั้น พวกเขายังพัฒนาการเลี้ยงวัว ปรับปรุงทุ่งหญ้าให้เหมาะสมกับความเป็นอยู่ของวัว ยิ่งทำให้วัวผลิตน้ำนมมากยิ่งขึ้นไปอีก จนได้ชื่อว่าวัวของชาวดัตช์ให้น้ำนมมากกว่าวัวเพื่อนบ้านทุกประเทศ

ผ้าขี้ริ้วห่อทอง

เนเธอร์แลนด์เป็นส่วนหนึ่งของจักรวรรดิโรมันจนกระทั่งโรมันเสื่อมอำนาจลง ต่อมาในปี 1581 เนเธอร์แลนด์ก็ได้รับเอกราช เกิดการปฏิรูปประเทศครั้งใหญ่ในทุกสาขาวิชา ไม่ว่าจะเป็นศิลปะ วิทยาศาสตร์ ตลอดไปจนถึงวิศวกรรม กลายเป็นประเทศส่งออกสินค้ารายใหญ่ เป็นมหาอำนาจทางเศรษฐกิจในเวลาอันสั้น จนถึงกับมีคำกล่าวว่าเนเธอร์แลนด์เปลี่ยนไปเพียงชั่วข้ามคืน

ชาวยุโรปต่างพิศวงงงงวย สงสัยว่าอะไรทำให้ชาวดัตช์เจริญรุ่งเรืองอย่างรวดเร็วขนาดนั้น พวกเขาเคยดูถูกดูแคลน เย้ยหยันว่าชาวดัตช์เป็นพวกหนอนเนย กินแต่อาหารไร้คุณภาพ กลับกลายมาเป็นอัจฉริยะในทุกๆสาขาวิชา

ในที่สุดชาวยุโรปก็เรียนรู้ว่าการที่ชาวดัตช์เฉลียวฉลาดกว่าชนชาติชาติอื่นเพราะพวกเขาดื่มนมและบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมเป็นประจำ และนมของชาวดัตช์เป็นนมที่มีคุณภาพสูง

การดูแคลนผู้บริโภคผลิตภัณฑ์จากนมไม่ได้เกิดขึ้นเฉพาะในยุโรปเท่านั้น คนจีนสมัยโบราณก็เย้ยหยันพวกที่ดื่มนมและบริโภคผลิตภัณฑ์จากนมด้วยเหตุผลคล้ายๆกัน เช่นเดียวกับชาวญี่ปุ่นที่เคยเรียกชาวยุโรปว่าพวกอนารยชนตัวเหม็นกลิ่นสาบเนย

หลังจากเรียนรู้ว่านมมีประโยชน์มากมายเพียงไร นมและผลิตภัณฑ์จากนมกลายเป็นอาหารที่คนทั่วโลกนิยมบริโภค จีนกลายเป็นประเทศที่ผลิตนมเป็นอันดับ 3 ของโลก ไอศกรีมเป็นของหวานที่ทุกคนชอบ แม้แต่ปิ้งย่างหมูกระทะยังนิยมใช้เนยแทนการใช้ชิ้นมันหมู

669-1

1.จูเลียส ซีซาร์ บุกเกาะบริเทน

669-2

2.กระชอนทำเนยสมัยโรมัน

669-3

3.ภาพเขียนเนยแข็งและหน่อไม้ฝรั่งสมัยจักรวรรดิโรมัน

669-4

4. Milkmaid ผลงานโยฮันเนิส เฟอร์เมร์ ปี 1660

669-5

5.ผลไม้ ถั่ว และเนย ผลงานฟลอริส ฟาน ไดค์ ปี 1613

669-6

6.วิถีชีวิตชาวไอริชปี 1581

669-7

7.คนป่าเถื่อนอเมริกัน (ซ้าย) และอิตาเลียน (ขวา)

669-8

8.ชาวดัตช์สร้างเขื่อนป้องกันน้ำทะเลทะลักเข้าแผ่นดินปี 1705


You must be logged in to post a comment Login