- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 1 month ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 1 month ago
- โลกธรรมPosted 1 month ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
เรื่องร้ายกลายเป็นดีมีถมไป

คอลัมน์ สันติธรรม “เรื่องร้ายกลายเป็นดีมีถมไป”
โดย บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข วันที่22-29 มิถุนายน 2561)
โลกนี้มีเรื่องดีและเรื่องร้ายสลับสับเปลี่ยนหมุนเวียนกันเกิดขึ้นตลอดเวลา บ่อยครั้งที่เรื่องร้ายๆในตอนต้นกลับกลายเป็นผลดีในที่สุด
เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลามโดยการเรียกร้องเชิญชวนให้ชาวมักก๊ะฮฺเลิกเคารพกราบไหว้รูปปั้นเจว็ดมากมายที่เรียงรายอยู่รอบก๊ะอฺบ๊ะฮฺและหันมาเคารพสักการะพระเจ้าองค์เดียว ท่านต้องถูกหัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺและกลุ่มคนที่หากินกับเจว็ดต่อต้านด้วยวิธีการสารพัด
เริ่มต้นด้วยการหัวเราะเยาะ ดูหมิ่นถากถาง และหาว่าท่านเสียสติ แต่ไม่มีใครกล้ากล่าวหาว่าท่านโกหก เพราะชาวมักก๊ะฮฺรู้ว่าท่านไม่เคยโกหก และเป็นผู้ซื่อสัตย์ไว้วางใจได้ จนถึงกับตั้งฉายาให้ท่านเองว่า “อัลอะมีน”
เมื่อเห็นว่านบีมุฮัมมัดไม่ท้อถอยต่อคำดูหมิ่นถากถาง หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺได้หันมาใช้วิธีการ “พบกันครึ่งทาง” โดยส่งคนมาเจรจากับนบีมุฮัมมัดให้มาเคารพกราบไหว้เจว็ดที่พวกเขาเคารพกราบไหว้ และพวกเขาจะเคารพกราบไหว้พระเจ้าของนบีมุฮัมมัดสลับกันไปเป็นเวลาเท่าๆกัน แต่นบีมุฮัมมัดได้รับคำบัญชาจากพระเจ้าว่าเรื่องนี้ไม่มีการประนีประนอม แต่ละคนนับถือศาสนาใดก็ปฏิบัติศาสนาของตนไป
ในช่วงเวลานี้เองชาวมักก๊ะฮฺหลายคนที่หันมาเป็นสาวกของนบีมุฮัมมัดถูกกดขี่ข่มเหงอย่างหนัก แต่ไม่มีใครกล้าทำร้ายนบีมุฮัมมัด เพราะท่านได้รับการคุ้มครองจากลุงของท่านซึ่งเป็นหัวหน้าเผ่าใหญ่
เมื่อนบีมุฮัมมัดไม่ยอมรับการประนีประนอม หัวหน้าชาวมักก๊ะฮฺจึงส่งคนมาเจรจาติดสินบน โดยเสนอว่าถ้านบีมุฮัมมัดต้องการตำแหน่งผู้นำหรือผู้หญิงสาวสวยหรือทรัพย์สินมากมายพวกเขาจะหามาให้ แต่นบีมุฮัมมัดปฏิเสธข้อเสนอทั้งหมด
แม้หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺมาขอร้องลุงของท่านซึ่งเป็นผู้ที่นบีมุฮัมมัดรักเหมือนพ่อให้ช่วยเตือนหลานของตัวเอง แต่คำตอบที่ได้จากนบีมุฮัมมัดก็คือ “แม้จะเอาดวงอาทิตย์มาวางไว้ในมือขวา เอาดวงจันทร์มาวางไว้ในมือซ้าย หลานก็จะไม่ล้มเลิกการปฏิบัติภารกิจที่พระเจ้ามอบหมายมา”
ดังนั้น การต่อต้านจึงเริ่มรุนแรงขึ้นด้วยการที่สมาชิกเผ่าของนบีมุฮัมมัดถูกชาวมักก๊ะฮฺทั้งเมืองคว่ำบาตรจนได้รับความลำบากแร้นแค้นเป็นเวลานาน
ไม่เพียงเท่านั้นในช่วงเทศกาลทำพิธีฮัจญ์ซึ่งมีชาวอาหรับจำนวนมากจากทุกสารทิศเดินทางมาทำพิธีทางศาสนาที่มักก๊ะฮฺ หัวหน้าชาวเมืองมักก๊ะฮฺได้ส่งคนกระจายกันไปตามกระโจมที่พักของผู้มาทำพิธีฮัจญ์เพื่อแพร่ข่าวสารโจมตีนบีมุฮัมมัดและศาสนาที่ท่านนำมาสอนทุกวัน ภยาคติเช่นนี้เองที่ทำให้คนอยากรู้อยากเห็นและอยากฟังของจริง จึงมีหลายคนแอบมาพบกับนบีมุฮัมมัดและฟังสิ่งที่ท่านสอน
เมื่อคนเหล่านี้กลับไปยังกระโจมที่พักของตนหรือเดินทางกลับไปภูมิลำเนา คนเหล่านี้ได้บอกเล่าให้ญาติพี่น้องและผองเพื่อนของตนฟังว่ามุฮัมมัดมิได้เป็นอย่างที่ชาวมักก๊ะฮฺพูด ด้วยสาเหตุนี้เองที่ทำให้คำสอนของอิสลามแพร่กระจายออกไปทั่วคาบสมุทรหลังจากเสร็จสิ้นพิธีฮัจญ์ทุกปี
สาเหตุสำคัญที่ทำให้อิสลามเริ่มหยั่งรากลึกในคาบสมุทรอาหรับก็คือ ชาวเมืองยัษริบจาก 2 เผ่าใหญ่ที่ขัดแย้งกันมาเป็นเวลานานได้มาพบนบีมุฮัมมัดและเกิดความประทับใจในบุคลิกภาพและคำสอนของท่าน จึงรับนับถืออิสลามและตกลงกันว่าจะให้ท่านไปเป็นผู้นำของพวกตนในเมืองยัษริบ แต่ท่านยังไม่ตอบตกลงทันทีเพื่อดูว่าคนจาก 2 เผ่านี้จะจริงใจและจริงจังกับท่านมากน้อยเพียงใด
ในปีต่อมาปรากฏว่าชาวยัษริบกลุ่มที่มาพบท่านในปีก่อนได้นำชาวเมืองยัษริบที่เข้ารับอิสลามอีกหลายคนมาพบท่านนบีมุฮัมมัดในช่วงเทศกาลฮัจญ์ ท่านจึงเห็นว่าเมล็ดพันธุ์แห่งอิสลามสามารถเติบโตได้ในแผ่นดินยัษริบ ประกอบกับในเวลานั้นท่านได้รับเบาะแสว่าชาวมักก๊ะฮฺกำลังวางแผนลอบสังหารท่าน ดังนั้น ท่านจึงตัดสินใจอพยพออกจากมักก๊ะฮฺไปยังเมืองยัษริบ
การอพยพครั้งนั้นเองที่เป็นจุดเปลี่ยนสถานการณ์อันเลวร้ายของอิสลามให้กลับกลายเป็นดี
You must be logged in to post a comment Login