วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

‘ทรัมป์’ระงับนโยบายแยกเด็ก

On June 22, 2018

ผู้นำสหรัฐสั่งหน่วยงานที่เกี่ยวข้องยุติกระบวนการแยกผู้อพยพเด็กออกจากผู้ปกครอง หลังได้รับเสียงวิจารณ์อย่างหนักทั้งในและต่างประเทศ

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ ลงนามในเอกสารให้กระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิและหน่วยงานอื่นทั้งหมดที่เกี่ยวข้องยุติมาตรการแยกผู้อพยพเด็กออกจากผู้ปกครอง ซึ่งกำลังเป็นที่ถกเถียงและวิพากษ์วิจารณ์อย่างหนักจากทั้งในและต่างประเทศ โดยเจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงจะกักตัวผู้ปกครองและบุตรหลานที่ลักลอบข้ามพรมแดนไว้ด้วยกัน และอยู่ในสถานที่แห่งเดียวกัน

ข้อมูลจากกระทรวงความมั่นคงแห่งมาตุภูมิระบุว่า มีการแยกผู้อพยพเด็ก 2,342 คน จากผู้ปกครอง 2,206 คน ระหว่างวันที่ 5 พฤษภาคม-9 มิถุนายนที่ผ่านมา ขณะที่ระหว่างเดือนมีนาคม-พฤษภาคมปีนี้มีประชาชนมากกว่า 50,000 คน พยายามลักลอบข้ามพรมแดนจากเม็กซิโก โดย 15% เดินทางมาเป็นครอบครัว และมี 8% เป็นผู้เยาว์ซึ่งเดินทางเพียงลำพัง

อย่างไรก็ตาม คำสั่งดังกล่าวของผู้นำสหรัฐไม่ได้ระบุว่าจะเริ่มต้นเมื่อใด และประธานาธิบดีทรัมป์ยืนยันว่ารัฐบาลจะยังคงจริงจังในการเสริมสร้างความมั่นคงตามแนวชายแดนทางใต้ต่อไป ขณะเดียวกันได้มอบหมายให้กระทรวงยุติธรรมแก้ไขคำสั่งศาลเพื่อให้ผู้อพยพเด็กและครอบครัวถูกควบคุมตัวอยู่ด้วยกันจนกว่ากระบวนการพิจารณาคดีจะเสร็จสิ้น และให้กระทรวงกลาโหมเพิ่มความเข้มงวดในการควบคุมผู้อพยพผิดกฎหมายตามความเหมาะสม

นอกจากนี้มีรายงานด้วยว่า กระทรวงยุติธรรมสหรัฐกำลังประเมินความเป็นไปได้และผลกระทบที่จะเกิดขึ้นในการผลักดันแก้ไขกฎหมายการตั้งถิ่นฐานฉบับปี 2540 ที่รู้จักกันในชื่อข้อตกลงฟลอเรส ซึ่งศาลสูงสุดกำหนดให้เป็นพื้นฐานของการควบคุมตัวผู้อพยพผิดกฎหมายที่ยังเป็นผู้เยาว์ ไม่ว่าจะเดินทางมาลำพังหรือเป็นครอบครัว สูงสุดเพียง 20 วันเท่านั้น

ความเคลื่อนไหวนี้เรียกได้ว่าเป็นครั้งแรกที่ผู้นำสหรัฐยินยอมแก้ไขนโยบายของตัวเอง เนื่องจากตั้งแต่รับตำแหน่งเมื่อปลายเดือนมกราคมปีที่แล้วเขายืนกรานปฏิเสธการเปลี่ยนแปลงนโยบายหรือยกเลิกคำสั่งที่ลงนามไปแล้วมาตลอด

ขณะที่นายกรัฐมนตรีเทเรซ่า เมย์ ของอังกฤษ กล่าวในสภาอังกฤษว่า ภาพเด็กถูกจับไว้ในรั้วตาข่ายที่เหมือนกรงขังทำให้เธอรู้สึกขุ่นเคืองใจเป็นอย่างมาก นโยบายแยกเด็กออกจากครอบครัวผู้อพยพเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้องและไม่เห็นด้วย ซึ่งสหราชอาณาจักรไม่มีนโยบายเช่นนี้


You must be logged in to post a comment Login