วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

บทเรียนจากภูเขาไฟ

On June 26, 2018

คอลัมน์ สันติธรรม “บทเรียนจากภูเขาไฟ”

โดย บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 29 มิถุนายน-6 กรกฏาคม 2561)

ครั้งหนึ่งหลังจากผมสอนประวัติศาสตร์เรื่องเมืองโซดอมที่ถูกทำลาย เพราะผู้ชายในเมืองนี้นิยมการสมสู่ในหมู่ผู้ชายด้วยกันโดยไม่สนใจผู้หญิง ซึ่งเป็นการผิดวิถีธรรมชาติ หนุ่มห้าวคนหนึ่งที่ฟังการบรรยายของผมได้ขอเวลาถามคำถามที่ใครฟังแล้วก็รู้ได้ทันทีว่าเขามีอคติต่อคำสอนและเรื่องทางศาสนา

หนึ่งในคำถามของเขาคือ ถ้าพระเจ้ามีจริงและพระองค์ทำลายเมืองโซดอมด้วยการพลิกเมืองทั้งเมืองคว่ำจมหายไปในธรณี และตามด้วยฝนหินละลายที่ตกมาจากฟากฟ้ากลบผืนธรณีบริเวณนั้นซ้ำแล้ว ทำไมพระเจ้าไม่ทำลายผู้คนที่มีพฤติกรรมรักร่วมเพศที่กำลังแพร่หลายอยู่ในปัจจุบัน?

volcano4

เหลือเชื่อครับ คำถามของหนุ่มห้าวในยุค 4.0 คนนี้ช่างไม่ต่างอะไรจากคำถามของชาวอาหรับในยุคอวิชชาก่อนหน้าอิสลามเมื่อ 1,400 กว่าปีก่อน
นบีมุฮัมมัดถูกส่งมาเพื่อปฏิรูปศีลธรรมในหมู่มนุษย์ โดยเริ่มในหมู่ชนชาวอาหรับก่อน ท่านเรียกร้องผู้คนให้เลิกเคารพกราบไหว้สิ่งศักดิ์สิทธิ์ที่ทำมาจากวัสดุธรรมชาติสารพัดรูปร่างและหันมาสักการะพระเจ้าองค์เดียว เพราะวัตถุบูชาเหล่านั้นไม่ได้กำหนดกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมใดๆ แต่พระเจ้าที่แท้จริงต่างหากที่เป็นผู้สร้างมนุษย์และวางกฎเกณฑ์ทางศีลธรรมให้มนุษย์ปฏิบัติเพื่อผลดีแก่มนุษย์เอง

เนื่องจากเสพติดการเคารพกราบไหว้วัตถุบูชามานานนับพันปี ชาวอาหรับส่วนใหญ่ไม่เข้าใจและต่อต้านท่าน ด้วยเหตุนี้พระเจ้าจึงประทานเรื่องราวของกลุ่มชนในอดีตที่เคยเคารพกราบไหว้วัตถุบูชาและไร้ศีลธรรมแก่นบีมุฮัมมัดมาเล่าให้ผู้คนในเวลานั้นฟังเพื่อเป็นบทเรียน

หนึ่งในเรื่องราวของผู้คนในอดีตที่ถูกพระเจ้าลงโทษทำลายคือ เรื่องราวของเมืองโซดอมที่ผู้คนกราบไหว้รูปปั้นบูชาและเสื่อมทรามทางศีลธรรมอย่างหนักจนผู้คนเห็นอาชญากรรมเป็นเรื่องปรกติ และสิ่งหนึ่งที่เป็นตัวบ่งบอกถึงความเสื่อมทรามทางศีลธรรมของชาวเมืองนี้ก็คือ ผู้ชายในเมืองนี้นิยมการสมสู่ในหมู่ผู้ชายด้วยกัน คัมภีร์กุรอานเล่าว่า หลังจากนบีอิบรอฮีม (หรืออับราฮัม) และลูฏ (หรือโลท) อพยพออกจากเมืองอูร์ในอิรักมาแล้ว เขาได้ส่งลูฏไปยังเมืองโซดอมเพื่อตักเตือนผู้คนให้เกรงกลัวพระเจ้าและเลิกพฤติกรรมรักร่วมเพศ แต่ยิ่งตักเตือน ยิ่งห้ามปราม ก็เหมือนยิ่งเป็นการราดน้ำมันลงไปบนกองเพลิงแห่งความชั่ว

ในที่สุดพระเจ้าได้สั่งลูฏให้พาครอบครัวและผู้ศรัทธาในพระเจ้าออกนอกเมืองในคืนหนึ่งก่อนรุ่งสาง เมื่อลูฏและผู้ศรัทธาออกไปแล้ว แผ่นดินเมืองโซดอมได้ถูกพลิกคว่ำจมหายไปในแผ่นดินตรงบริเวณทางใต้ของทะเลสาบเดดซี ไม่เพียงเท่านั้น พระเจ้ายังให้มีหินละลายตกมากลบแผ่นดินบริเวณนั้นอีกด้วย

เรื่องราวของลูฏและเมืองโซดอมมีกล่าวไว้ในคัมภีร์ไบเบิลด้วย นบีมุฮัมมัดนำเรื่องราวของชาวเมืองนี้มาเล่าเป็นบทเรียนให้ชาวอาหรับที่เสื่อมทรามทางศีลธรรมในสมัยของท่านฟัง แต่ชาวอาหรับได้เยาะเย้ยว่าสิ่งที่ท่านเล่ามาเป็นนิยายปรัมปรา ไม่เพียงเท่านั้น พวกเขายังท้าทายว่า “ถ้าสิ่งที่ท่านเล่าเป็นเรื่องจริง ท่านสั่งพระเจ้าให้ลงโทษพวกเราเดี๋ยวนี้เลย”

นบีมุฮัมมัดได้บอกคนเหล่านั้นว่าท่านไม่สามารถสั่งพระเจ้าให้ลงโทษใครได้ตามที่ท่านต้องการ เพราะท่านเป็นเพียงผู้ตักเตือน ส่วนการตัดสินลงโทษเป็นเรื่องของพระเจ้า

ชาวอาหรับในเวลานั้นทำชั่วจนไม่รู้จักพระเจ้า และสมองไม่มีพื้นที่มากพอที่จะคิดว่าถ้าพระเจ้าจะลงโทษคนทำผิดทันที บนโลกนี้คงไม่มีมนุษย์เหลืออยู่ แต่พระเจ้าเป็นผู้ทรงขันติธรรม ผู้ทรงให้อภัย และผู้ทรงเมตตา การที่พระองค์ไม่ทรงลงโทษมนุษย์ทันทีที่ทำผิดมิใช่ว่าพระเจ้าไม่มีหรือพระเจ้าเฉยเมยต่อบาปและความผิด แต่พระองค์ทรงประวิงเวลาไว้เพื่อให้มนุษย์มีโอกาสสำนึกผิดและกลับตัวกลับใจก่อนการลงโทษจะมาถึง

คนในยุค 4.0 อาจไม่ทันได้เห็นเหตุการณ์ภูเขาไฟวิสุเวียสระเบิดถล่มซากเมืองปอมเปอีในอิตาลีใน ค.ศ. 79 แต่ภูเขาไฟเคเลาวีอาที่กำลังระเบิดในเกาะฮาวาย และภูเขาไฟฟูเอโกในกัวเตมาลา และแผ่นดินไหวที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งใกล้ๆบ้านเรา น่าจะเป็นสิ่งเตือนให้คนมีสติได้คิดบ้างก่อนการลงโทษครั้งใหญ่ที่น่าสะพรึงกลัวจะเกิดขึ้น


You must be logged in to post a comment Login