- อย่าไปอินPosted 18 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
พลังดูด‘สุริยะ’?
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
เปิดตัวให้สั่นสะเทือนวงการการเมืองอย่างเป็นทางการแล้วสำหรับอดีต ส.ส. กว่า 50 คน ที่ตัดสินใจย้ายไปร่วมชายคาพรรคพลังประชารัฐที่มี “สุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ-สมศักดิ์ เทพสุทิน” เป็นโต้โผใหญ่ พร้อมประกาศให้ลูกทีมมั่นใจว่าหลังเลือกตั้งเป็นรัฐบาล 100% ส่วนเป้าหมายถูกประกาศชัดเจนอย่างเป็นทางการว่าต้องการทำภารกิจต่อวีซ่าเก้าอี้นายกฯให้ “บิ๊กตู่” เมื่อพิจารณาแนวทางและเป้าหมายเป็นไปได้ว่าหลัง พ.ร.ป.เลือกตั้ง ส.ส. ประกาศในราชกิจจานุเบกษาที่คาดว่าประมาณเดือนกันยายน อาจได้เห็น “บิ๊กตู่” เปิดตัวลงเล่นการเมืองในฐานะสมาชิกหรือที่ปรึกษา เพราะถ้าไม่มีการพูดคุยกันมาก่อนคงไม่กล้าเอาชื่อ “บิ๊กตู่” มาพูดกลางวงพูดคุยอดีต ส.ส.
การแข่งขันทางการเมืองจะว่าไปแล้วไม่ต่างอะไรกับการแข่งขันฟุตบอล ทีมใหญ่ที่เคยเป็นแชมป์ก็อยากรักษาแชมป์ ทีมเล็กที่เป็นผู้ท้าชิงก็ต้องการโค่นแชมป์ให้ได้ แนวทางการเล่นเพื่อล้มแชมป์ก็มีหลายแนวทาง ต้องใช้แทคติกต่อสู้ทั้งในและนอกสนามร่วมกัน
พรรคเพื่อไทยในฐานะแชมป์เก่าดูเหมือนว่าเป็นเป้าที่จะต้องถูกโค่นล้มมากที่สุด อย่างที่ภาษาวัยรุ่นเรียกว่างานเข้า ภาษาทางการทหารเรียกตำบลกระสุนตก
แทคติกโค่นล้มพรรคเพื่อไทยที่คู่แข่งงัดออกมาในตอนนี้คือ ทำลายความเข้มแข็งของพรรคด้วยการซื้อตัวผู้เล่นให้ย้ายทีม
คู่แข่งที่มาแรงในตอนนี้ไม่ใช่ฝ่ายตรงข้ามที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมาตลอดอย่างพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรครวมพลังประชาชาติไทยของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ อดีตแกนนำ กปปส. แต่เป็นคนกันเองที่เคยร่วมงานกันมาตั้งแต่สมัยพรรคไทยรักไทยอย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ อดีตเลขาธิการพรรคไทยรักไทย และนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มมัชฌิมา ในนาม “กลุ่มสามมิตร” ที่เดินสายดูดอดีต ส.ส. เข้าสังกัด
ข่าวล่าสุดแจ้งว่า ขณะนี้มีอดีต ส.ส. รายงานตัวเข้าสังกัด “กลุ่มสามมิตร” ไม่น้อยกว่า 50 คน เช่น นายอนุชา นาคาศัย อดีต ส.ส.ชัยนาท, นายจำลอง ครุฑขุนทด อดีต ส.ส.นครราชสีมา, นายสุภรณ์ อัตถาวงศ์ อดีต ส.ส.นครราชสีมา, นายสมคิด บาลไธสง อดีต ส.ส.หนองคาย, นายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา, นายเวียง วรเชษฐ์ อดีต ส.ส.ร้อยเอ็ด, ว่าที่ พ.ต.สรชาติ สุวรรณพรหม อดีต ส.ส.หนองบัวลำภู, นพ.เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีต ส.ส.ขอนแก่น
เป้าหมายของ “กลุ่มสามมิตร” ถูกประกาศออกมาอย่างชัดเจนว่าต้องการอุ้ม “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ให้ได้นั่งเก้าอี้นายกฯอีกสมัยหลังการเลือกตั้ง โดยให้เหตุผลว่าได้รับรู้เรื่องราวลึกๆในสิ่งที่ “บิ๊กตู่” มีความตั้งใจทำเพื่อประเทศชาติต่อไปหลายเรื่อง ซึ่งเห็นว่ามีความตั้งใจดีที่จะทำเพื่อประเทศจึงต้องการให้การสนับสนุน
นอกจากนี้แกนนำของ “กลุ่มสามมิตร” ยังให้ความมั่นใจกับอดีต ส.ส. ที่ย้ายมาเข้าสังกัดด้วยว่าได้เป็นรัฐบาลหลังการเลือกตั้งอย่างแน่นอน เพราะทุกครั้งที่ “สุริยะ-สมศักดิ์” ได้เป็น ส.ส. ไม่เคยเป็นฝ่ายค้าน ครั้งนี้มั่นใจว่าจะได้เสียง ส.ส. มากพอที่จะเป็นรัฐบาลได้
ความคืบหน้าในการเคลื่อนไหวนี้ต้องมองแยกเป็น 2 ส่วน
ส่วนแรกคือ บรรดาอดีต ส.ส. ที่ย้ายมาอยู่ในสังกัด “กลุ่มสามมิตร” ซึ่งจะตั้งพรรคการเมืองในชื่อ “พลังประชารัฐ” หากดูจากรายชื่อที่เปิดเผยออกมา แม้จะมีมากกว่า 50 คน แต่ต้องบอกว่าเป็นนักการเมืองเกรดเอไม่กี่คน ที่เหลือเป็นพวกเกรดบีบวก สอบได้บ้างสอบตกบ้าง ไม่การันตีเก้าอี้ในสภา
ที่สำคัญรายชื่อนักการเมืองระดับเกรดเอหลายคนเป็นพวกบั้นปลายอาชีพนักการเมือง เหมือนที่ ดร.ทักษิณ ชินวัตร พูดว่าย้ายสังกัดเพื่อสะสมทุนก่อนเกษียณ
การเคลื่อนไหวที่ดูเหมือนยิ่งใหญ่นี้ หากกะเทาะเปลือกจริงๆยังไม่ค่อยน่าเกรงขามเท่าไรในสนามเลือกตั้ง เว้นแต่ว่าจะมีเซอร์ไพรส์ได้นักการเมืองเกรดเอเข้าสังกัดเพิ่มในช่วงเวลาที่เหลืออยู่
แน่นอนว่าเมื่อดูตามเป้าหมายที่แกนนำ “กลุ่มสามมิตร” ประกาศออกมา แม้จะตั้งเป้าที่การเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้ง แต่คงไม่ใช่พรรคที่ชนะเลือกตั้งเข้ามาเป็นอันดับหนึ่ง แต่หวังที่จะใช้ความเป็นพรรคขนาดกลางร่วมมือกับพรรคขนาดกลางอื่นและพรรคเล็กรวบรวม ส.ส. ให้ได้เกินครึ่งเพื่อได้สิทธิ์เสนอชื่อนายกฯในสภา
เมื่อพิจารณาตามแนวทางนี้และเป้าหมายที่ประกาศไว้ จึงพอมองเห็นความเป็นไปได้ว่าหลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ประกาศในราชกิจจานุเบกษาที่คาดว่าประมาณเดือนกันยายน อาจได้เห็น “บิ๊กตู่” ประกาศตัวลงเล่นการเมืองในฐานะสมาชิกหรือที่ปรึกษาพรรคพลังประชารัฐ เพราะถ้าไม่มีการพูดคุยกันมาก่อน แกนนำ “กลุ่มสามมิตร” คงไม่กล้าเอาชื่อ “บิ๊กตู่” มาพูดกลางวงพูดคุยอดีต ส.ส.
ทั้งนี้ เพื่อเอาชื่อใส่ในบัญชีที่จะเสนอเป็นนายกฯของพรรคหลังเลือกตั้ง ถ้าแผนแรกไม่เข้าเป้า ยังมีแผนสองให้สมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ร่วมสนับสนุนรองรับ
You must be logged in to post a comment Login