- อย่าไปอินPosted 14 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ผู้หญิงในเส้นทางศาสนา
คอลัมน์ สันติธรรม “ผู้หญิงในเส้นทางศาสนา”
โดย บรรจง บินกาซัน
(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 8-15กรฏาคม 2561)
ในอดีตการที่ผู้ชายมีภรรยามากกว่าหนึ่งคงเป็นเรื่องปรกติและเป็นเรื่องจำเป็นเสียด้วยซ้ำ โดยเฉพาะในสังคมที่ไร้อารยธรรม ด้านหนึ่งมาจากความจำเป็นของผู้หญิงเองที่ต้องการผู้คุ้มครองและดูแลความปลอดภัย ความต้องการมีลูกที่จะมาดูแลตัวเองในอนาคต อีกด้านหนึ่งมาจากความจำเป็นของฝ่ายชายที่ต้องการมีทายาทสืบทอดวงศ์ตระกูล ต้องการมีลูกโดยเฉพาะลูกชายเพื่อความเข้มแข็งของครอบครัวและเผ่าของตน
นบีอิบรอฮีม (หรืออับราฮัม) แต่งงานกับนางซาราห์มาหลายปีแต่ไม่มีลูก ระหว่างการอพยพออกจากบ้านเกิดในเมืองอูร์ที่อยู่ในอิรักปัจจุบัน ท่านวิงวอนขอต่อพระเจ้าให้ประทานบุตรที่จะมาสืบสานอุดมการณ์ความศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวตลอดเส้นทาง แต่พระเจ้าผู้เป็นเจ้าของชีวิตยังไม่ตอบรับคำวิงวอนของท่าน จนกระทั่งท่านได้แต่งงานกับนางฮาการ์ หญิงชาวอาหรับพื้นเมืองในอียิปต์ ท่านจึงได้ลูกคนแรกชื่ออิสมาอีล (หรืออิชมาเอล) ซึ่งเป็นต้นตระกูลของนบีมุฮัมมัด
หลังจากได้อิสมาอีลเป็นบุตรคนแรก พระเจ้าได้ประทานบุตรคนที่สองชื่อ อิสฮาก (หรืออิชอัก) แก่นางซาราห์ หลังจากนั้นอิสฮากได้มีบุตรคนหนึ่งชื่อ ยะกู๊บ (หรือยาโกบ) ผู้ได้ฉายาว่าอิสราเอล ยะกู๊บมีลูกชาย 12 คน และในหมู่ลูกหลานของยะกู๊บนี้เองที่มีนบีคนสำคัญๆที่โลกรู้จักเกิดขึ้น มูซา ฮารูน ดาวูด สุลัยมาน ซะกะรียา อีซา ล้วนเป็นนบีที่เกิดขึ้นในสายลูกหลานของยะกู๊บทั้งสิ้น
ในคัมภีร์ไบเบิลยังกล่าวไว้อีกว่า อับราฮัมแต่งงานกับผู้หญิงอีกคนหนึ่งชื่อ เคธูรา มีบุตรคนหนึ่งชื่อ มัดยัน และมัดยันมีบุตรหลายคน นักวิชาการประวัติศาสตร์ชาวตะวันตกกล่าวว่า เจ้าชายสิทธัตถะมีต้นตระกูลที่สืบเชื้อสายมาจากบุตรคนหนึ่งของมัดยัน
ลองคิดดูสิครับว่าหากนบีอิบรอฮีมและนบียะกู๊บมีภรรยาเพียงคนเดียว โลกนี้จะมีผู้นำทางด้านจิตวิญญาณสืบทอดคำสอนศาสนาของพระเจ้ามาถึงเราจนถึงปัจจุบันไหม
ในฐานะที่นบีเป็นมนุษย์คนหนึ่ง และนบีมีภรรยาหลายคน สาวกของนบีเหล่านั้นจึงปฏิบัติตามและถือว่าเป็นเรื่องปรกติ ขณะเดียวกันคำสอนทางศาสนาในอดีตก็ไม่ได้กำหนดจำนวนภรรยาเอาไว้ สาวกทั้งหลายจึงมีภรรยาไม่จำกัดจำนวน
เมื่อมีภรรยาหลายคน ปัญหาเลือกที่รักมักที่ชังจึงเกิดขึ้นในครอบครัว ทำให้ภรรยาทั้งหลายเกิดความอิจฉาริษยากันและภรรยาบางคนถูกทอดทิ้ง ในสังคมอาหรับก่อนสมัยอิสลามผู้หญิงมีสถานะไม่ต่างอะไรไปจากสิ่งของ ผู้หญิงที่เป็นภรรยาไม่เพียงแต่ไม่มีสิทธิ์รับมรดกเท่านั้น แต่ยังกลายเป็นมรดกตกทอดสู่ทายาทของสามีด้วยในกรณีที่สามีของนางเสียชีวิต
ส่วนในอินเดียผู้หญิงต้องเป็นผู้จัดหาสินสอดไปขอสามี และหากสามีตายผู้หญิงจะกระโดดเข้ากองไฟตายตามสามีไป
นี่คือสภาพของผู้หญิงในอาหรับและในโลกก่อนสมัยอิสลาม
เมื่อนบีมุฮัมมัดมาเผยแผ่อิสลาม สถานภาพของผู้หญิงได้รับการปฏิรูปมากมายหลายอย่าง เช่น ผู้หญิงมีสิทธิ์ในการตัดสินใจแต่งงานเอง เธอมิใช่สิ่งของที่จะถูกยกให้ใครตามความพอใจของผู้ปกครอง ไม่เพียงเท่านั้นผู้หญิงยังมีสิทธิ์เรียกร้องของขวัญแต่งงานจากผู้ชายที่จะแต่งงานกับเธอด้วยตัวเอง และของขวัญนั้นเป็นของเธอ ในอิสลามผู้หญิงมีสิทธิ์ได้รับมรดก แม้จะเพียงครึ่งหนึ่งของส่วนแบ่งที่พี่ชายและน้องชายได้รับ แต่วัฒนธรรมอิสลามกำหนดให้พี่ชายและน้องชายเป็นผู้ดูแลพี่สาวและน้องสาวของตนเมื่อพ่อตายจากไป ผู้หญิงมีสิทธิ์หารายได้ด้วยตัวเอง และรายได้นั้นเป็นสิทธิ์ของเธอ
ส่วนเรื่องการมีภรรยามากกว่า 1 คนนั้น อิสลามอนุญาตให้มีได้ แต่ได้จำกัดจำนวนไว้ว่าไม่เกิน 4 คน บนเงื่อนไขว่า “หากสูเจ้าเกรงว่าจะไม่สามารถให้ความยุติธรรมได้ก็จงแต่งแต่เพียงหนึ่ง”
ความยุติธรรมในที่นี้คือการที่ภรรยาและลูกๆทุกคนต้องได้รับสิทธิ์ที่พึงได้รับเหมือนกันทุกคน
You must be logged in to post a comment Login