วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

พฤติการณ์เสี่ยง

On July 5, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

ข้ออ้างเคลื่อนไหวทางการเมืองในนามกลุ่มสามมิตรไม่ใช่พรรคการเมืองเพื่อเลี่ยงถูกเอาผิดตามกฎหมายพรรคการเมืองอาจมีปัญหาต้องตีความ เมื่อแกนนำบางคนพูดชัดเจนว่าจะทำงานการเมืองในนามพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อกลุ่มสามมิตรและอดีต ส.ส. ที่รวบรวมได้ยกโขยงกันเข้าเป็นสมาชิกพรรคหลังจากนี้ อย่างไรก็ตาม แม้ในทางปฏิบัติอาจเอาผิดได้ยาก แต่การพลั้งปากพูดถึงการทำงานการเมืองในนามพรรคพลังประชารัฐและการทำนโยบายก่อนที่จะเข้าเป็นสมาชิกก็ทำให้การเคลื่อนไหวต้องละเอียดรอบคอบขึ้น ไม่อาจทำอะไรอย่างโจ๋งครึ่มอย่างที่เคยหากไม่อยากสะดุดขาตัวเองหกล้มก่อนเข้าเส้นชัยในวันเลือกตั้ง

พรรคพลังประชารัฐภายใต้การดำเนินงานของกลุ่มสามมิตรที่เดินสายดูดอดีต ส.ส. เข้าสังกัด เริ่มเกิดอาการสำลัก ดูดไม่คล่องคอเหมือนเริ่มดูดใหม่ๆ ทำให้ต้องเลื่อนเปิดตัวจากเดิมที่กำหนดไว้วันนี้ (5 ก.ค.) ออกไปก่อน ขอเวลาอีกระยะจึงพร้อมเปิดตัว

ความไม่พร้อมน่าจะเกิดจากแกนนำกลุ่มสามมิตรบางคนพลั้งปากพูดออกมาอย่างชัดเจนว่า การเคลื่อนไหวดูดอดีต ส.ส. ของกลุ่มสามมิตรครั้งนี้ก็เพื่อไปร่วมกันทำงานภายใต้สังกัดพรรคการเมืองชื่อ “พลังประชารัฐ”

เมื่อพลั้งปากออกมาจึงทำให้การดูดทำได้ไม่คล่องคอ เพราะไปคาบเกี่ยวกับการทำผิดพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยพรรคการเมืองที่มีผลบังคับใช้อยู่ในตอนนี้

ทั้งนี้ เนื่องจาก พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง มาตรา 30, 31 ระบุว่า ห้ามมิให้พรรคการเมืองหรือผู้ใดเสนอให้หรือสัญญาว่าจะให้เงิน ไม่ว่าโดยตรงหรือโดยอ้อม เพื่อจูงใจให้บุคคลหนึ่งบุคคลใดสมัครเข้าเป็นสมาชิกพรรค

ความคึกคักในการย้ายพรรคที่ทำกันอย่างเอิกเกริกก่อนหน้านี้จึงอาจย้อนมาเป็นภัยในภายหลังได้

แม้ในรายชื่อผู้จดแจ้งขอตั้งพรรคพลังประชารัฐจะไม่ปรากฏชื่อของแกนนำกลุ่มสามมิตรที่เคลื่อนไหวกันอยู่ตอนนี้ จนเป็นที่มาของข้ออ้างที่ว่าการเคลื่อนไหวที่ผ่านมาไม่เข้าข่ายความผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมือง เพราะทำในนามกลุ่มสามมิตร มิใช่ในนามพรรคการเมือง

เมื่อเป็นกลุ่มการเมืองไม่ใช่พรรคการเมืองกฎหมายจึงเอาผิดไม่ได้

อย่างที่บอกว่าแกนนำกลุ่มสามมิตรบางคนพลั้งปากว่าอดีต ส.ส. ที่ไปรวบรวมมาจะมาทำงานร่วมกันภายใต้สังกัดพรรคพลังประชารัฐ

แม้กลุ่มสามมิตรจะยังไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แต่พฤติการณ์เชื่อมโยงทำให้สามารถสอบเอาผิดภายหลังได้ หากพบว่าในอนาคตข้างหน้าทั้งแกนนำกลุ่มสามมิตรและอดีต ส.ส. ที่รวบรวมได้พากันเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการเข้าไปสวมสิทธิ์การดำเนินการของพรรค โดยที่คณะผู้ก่อตั้งเป็นเพียงตัวประกอบ ไม่มีสิทธิ์มีเสียง ไม่มีส่วนร่วมตัดสินใจในกิจการของพรรค

นอกจากการพลั้งปากของแกนนำกลุ่มสามมิตรบางคนแล้ว การพูดผ่านสื่อของเลขาธิการกลุ่มสามมิตรอย่างนายภิรมย์ พลวิเศษ อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคพลังประชาชน ที่ระบุถึงการจัดทำนโยบายเพื่อเอาชนะทางการเมือง โดยเฉพาะคู่แข่งสำคัญอย่างพรรคเพื่อไทย ก็เป็นอะไรที่คาบเกี่ยวกับการทำผิด พ.ร.ป.ว่าด้วยพรรคการเมืองที่ห้ามบุคคลภายนอกที่ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรคแทรกแซง ก้าวก่าย ชี้นำกิจการของพรรคการเมือง

การจัดทำนโยบายในนามกลุ่มสามมิตรก่อนเอาไปสวมเป็นนโยบายพรรคพลังประชารัฐหลังการเข้าเป็นสมาชิกพรรคน่าสนใจว่าจะเข้าข่ายเป็นการแทรกแซงกิจการพรรคการเมืองหรือไม่ แม้จะเข้ามาเป็นสมาชิกพรรคแล้ว แต่การจัดทำนโยบายนั้นเกิดขึ้นก่อนที่จะเป็นสมาชิกพรรค

อย่างไรก็ตาม ทั้งเรื่องการดูด ส.ส. มากองรวมกันก่อนยกโขยงไปสมัครเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ และการทำนโยบายสำเร็จรูปมาก่อนเข้าเป็นสมาชิกพรรคพลังประชารัฐ แม้ในทางทฤษฎีจะมีช่องให้ตีความเอาผิดได้ แต่ในทางปฏิบัติอาจเป็นไปได้ยาก

แต่ที่แน่ๆการพลั้งปากพูดถึงการทำงานการเมืองในนามพรรคพลังประชารัฐ และการทำนโยบายก่อนที่จะเข้าเป็นสมาชิก ก็ทำให้การเคลื่อนไหวต้องละเอียดรอบคอบขึ้น ไม่อาจทำอะไรโจ๋งครึ่มอย่างที่เคยหากไม่อยากสะดุดขาตัวเองหกล้มก่อนเข้าเส้นชัยในวันเลือกตั้ง


You must be logged in to post a comment Login