- อย่าไปอินPosted 18 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ส่อฉายหนังซ้ำ
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
การประชุม สนช. เพื่อลงมติรับรองหรือไม่รับรองบุคคล 7 รายที่ผ่านกระบวนการสรรหาให้เป็น กกต.ชุดใหม่ ส่อเค้าว่าอาจได้ดูหนังม้วนเดิมวนกลับมาฉายซ้ำ เมื่อมีผู้ใหญ่บางคนออกมาชี้โพรงว่าอยากให้กรรมการสรรหาใช้วิธีออกหนังสือเชิญคนที่เห็นว่าเหมาะสมมาเป็น กกต. แทนการเปิดรับสมัครอย่างเดียวบ้าง เพราะเชื่อว่าจะทำให้ได้คนที่ตั้งใจและมีความรู้ความสามารถมาทำหน้าที่ กกต. ประเด็นที่น่าคิดคือคนที่ตั้งใจเป็น กกต. เป็นใคร เหตุใดมีความตั้งใจแล้วไม่มายื่นใบสมัครตามกระบวนการปรกติ ทำไมต้องรอหนังสือเชิญ เอาเข้าจริงการคัดเลือก กกต.ชุดใหม่ที่จะเข้ามาจัดและคุมการเลือกตั้งครั้งแรกหลังรัฐประหาร เรื่องคุณสมบัติ เรื่องความตั้งใจ คงไม่ใช่ปัญหาอย่างที่กล่าวอ้างกัน แต่น่าจะอยู่ที่ยังไม่ได้คนที่ถูกใจหรือไว้ใจมาทำหน้าที่จัดและคุมเลือกตั้งมากกว่า
ขณะปั่นต้นฉบับภารกิจพาหมูป่าออกจากถ้ำที่เชียงรายในวันสุดท้ายกำลังอยู่ระหว่างดำเนินการ หากไม่มีอะไรผิดพลาดน่าจะได้ออกจากถ้ำครบทุกคน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสะท้อนอะไรได้หลายอย่าง อยู่ที่ว่าใครจะเลือกมองมุมไหน แต่อย่างไรก็ตาม ขอขอบคุณทุกคนทุกฝ่ายที่ช่วยกันคนละไม้คนละมือจนภารกิจสำเร็จลุล่วง จากนี้ไปเป็นช่วงเวลาการถอดบทเรียนเพื่อหาแนวทางป้องกันไม่ให้เกิดซ้ำ และเตรียมความพร้อมให้มากขึ้นกับการรับมือปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในอนาคต
ตัดฉากมาที่เรื่องการเมือง เพิ่งจะบอกไปเมื่อวานให้จับตาดูการประชุมสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) วันที่ 12 กรกฎาคมนี้ให้ดี เพราะจะมีการลงมติรับรองหรือไม่รับรองว่าที่กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ชุดใหม่ 7 ราย ที่ผ่านการสรรหาและตรวจสอบคุณสมบัติพ่วงประวัติแล้ว
ที่ให้จับตาดูเพราะที่ประชุม สนช. อาจฉายหนังซ้ำม้วนเดิมตีตกรายชื่อที่ผ่านการสรรหาเหมือนที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วครั้งหนึ่ง ซึ่งทำให้ต้องกลับไปเริ่มนับหนึ่งใหม่เพื่อสรรหา กกต.
อย่างที่ตั้งข้อสังเกตไว้ว่าให้จับตาดูมติและเหตุผลของ สนช. ว่าหากไม่รับรองรายชื่อที่ผ่านการสรรหาและมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมายจะอธิบายสังคมอย่างไร และกระบวนการสรรหา กกต. รอบใหม่จะใช้วิธีใดระหว่างเปิดรับสมัครอย่างเดียวเหมือนที่เคยทำมา หรือใช้วิธีออกหนังสือเชิญคนที่อยากให้เป็น กกต. มายื่นใบสมัคร
ล่าสุดมีคนออกมาชี้โพรงให้กระรอกแล้วคือ นายมีชัย ฤชุพันธุ์ ประธานคณะกรรมการร่างรัฐธรรมนูญ (กรธ.) ที่ระบุทำนองว่า กรธ. ได้เขียนกฎหมายเปิดช่องไว้ให้แล้ว (ใช้วิธีส่งหนังสือเชิญคนที่อยากได้) จริงๆอยากให้ใช้วิธีนั้นบ้าง จะได้คนที่ตั้งใจ และมีความรู้ความสามารถ
ส่วนที่กังวลกันว่าเปิดรับสมัครยังหาคนยาก ทาบทามจะยากกว่าหรือไม่นั้น นายมีชัยบอกว่า ก็ไม่แน่เสมอไป เพราะบางคนเขาก็พร้อมที่จะทำงาน บางคนถือว่าเป็นโชค บางคนถือว่าเป็นหน้าที่ ซึ่งแต่ละคนไม่เหมือนกัน ถ้าเป็นประโยชน์เขาอาจจะยอมเสียสละมา ซึ่งคนแบบนั้นมักจะทำงานได้ดี
ถ้าตีความสิ่งที่นายมีชัยให้ความเห็นกับสื่อมวลชนก็น่าจะมองเห็นแนวโน้มว่าการประชุม สนช. วันที่ 12 กรกฎาคมนี้น่าจะยังไม่ได้ กกต.ชุดใหม่ ซึ่งมีความเป็นไปได้ทั้งไม่ได้ กกต.ชุดใหม่เลยสักคน หรือได้มาบางคนแต่ไม่ครบจำนวนทั้ง 7 คนตามที่กฎหมายกำหนด
ตามความเห็นของนายมีชัยที่ระบุว่าวิธีการส่งหนังสือเชิญจะได้คนที่ตั้งใจและมีความรู้ความสามารถ ทำให้เกิดคำถามว่าทำไมวิธีการเปิดรับสมัครจึงไม่ได้คนที่ตั้งใจ มีความรู้ความสามารถ
ประเด็นที่น่าคิดคือคนที่ไม่ตั้งใจจะทำหน้าที่ กกต. จะมายื่นใบสมัครกับกรรมการสรรหาหรือไม่ ทำไมคนที่ตั้งใจอยากทำหน้าที่ กกต. จึงไม่มายื่นใบสมัคร ทำไมต้องรอหนังสือเชิญให้มาเป็น กกต. จากกรรมการสรรหา
ส่วนประเด็นเรื่องความรู้ความสามารถนั้นกฎหมายได้เขียนกำหนดคุณสมบัติผู้ที่จะสมัครเป็น กกต. ไว้อย่างละเอียดครอบคลุมแล้ว ทำไมจึงมองว่าคนที่มีคุณสมบัติถูกต้องครบถ้วนตามที่กฎหมายกำหนดจึงไม่มีความรู้ความสามารถเพียงพอที่จะทำหน้าที่ กกต.
เอาเข้าจริงการคัดเลือก กกต.ชุดใหม่ที่มีหน้าที่สำคัญที่จะเข้ามาจัดและคุมการเลือกตั้งครั้งแรกหลังรัฐประหาร เรื่องคุณสมบัติ เรื่องความตั้งใจ คงไม่ใช่ปัญหาอย่างที่กล่าวอ้างกัน แต่น่าจะอยู่ที่ยังไม่ได้คนที่ถูกใจหรือไว้ใจให้มาทำหน้าที่จัดและคุมเลือกตั้งมากกว่า
อย่างไรก็ตาม หากการลงมติวันที่ 12 กรกฎาคมนี้ยังไม่ได้ กกต.ชุดใหม่ สังคมต้องจับตาการออกหนังสือเชิญคนมาเป็น กกต. ว่าจะเข้าข่ายล็อกโหวต เลือกปฏิบัติหรือไม่ เพราะกฎหมายไม่ได้เขียนชัดว่าคนที่มาตามคำเชิญจะได้เป็น กกต. โดยอัตโนมัติ ต้องผ่านการตรวจสอบคุณสมบัติและประวัติการทำงาน โดยเฉพาะอย่างยิ่งต้องผ่านการลงมติรับรองจาก สนช.
ถ้าผ่านด่านทุกขั้นตอนแบบสบายก็ควรแก้กฎหมายให้ชัดเจนไปเลยว่า สนช. อยากได้ใครเป็น กกต. ก็ให้ชี้นิ้วเลือกแต่งตั้งได้เลย ไม่ต้องมีกระบวนการสรรหา ไม่ต้องเปิดรับสมัครให้เสียเวลา เสียงบประมาณ
You must be logged in to post a comment Login