- ปีดับคนดังPosted 10 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 3 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 1 week ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
รออีก20ปีค่อยออกจากถ้ำ!!
คอลัมน์ : เรื่องจากปก
ผู้เขียน : ทีมข่าวการเมือง
(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 13-20 กรกฏาคม 2561)
คนไทยและคนทั่วโลกต่างแสดงความดีใจเมื่อสามารถนำ “13 หมูป่า” ออกมาได้อย่างปลอดภัย ซึ่งการช่วยชีวิตครั้งนี้เหมือน “รวมดาราโลก” ที่เป็นสุดยอดนักกู้ภัยทั่วโลก แม้แต่ “Elon Musk” บิ๊ก SpaceX ยังเดินทางมาส่งอุปกรณ์แคปซูลเพื่อช่วยชีวิต “ทีมหมูป่า” ด้วยตัวเอง
ข่าวทุกสำนักข่าวทั่วโลกและภาพการ์ตูนจำนวนมากถูกแชร์ในโลกโซเชียล ทั้ง “ทีมหมูป่า” และผู้เชี่ยวชาญถูกเปรียบเทียบเป็น “ซูเปอร์ฮีโร่” ในภาพยนตร์เรื่อง “ดิ อเวนเจอร์ส” ที่ร่วมภารกิจที่ถ้ำหลวง-ขุนน้ำนางนอน เช่น ภาพนักดำน้ำอุ้มหมูป่า ภาพการ์ตูนเปรียบเทียบทีมนักประดาน้ำจากหน่วยซีลเป็นฉลามที่เข้าช่วยเหลือหมูป่า ภาพการ์ตูนโพรงถ้ำขดตัวเป็นคำว่า “hope” หรือ “ความหวัง” รวมถึงภาพไว้อาลัยและแสดงความขอบคุณ “จ.อ.สมาน กุนัน” หนึ่งเดียวที่เสียชีวิตระหว่างภารกิจกู้ภัยที่ถ้ำหลวงครั้งนี้
เมื่อปรากฏการณ์ช่วยชีวิต “13 หมูป่า” ค่อยๆเงียบหายไป การเมืองไทยก็จะกลับมาเป็นข่าวใหญ่อีกครั้ง โดยเฉพาะปรากฏการณ์ “ดูดแหลก” ที่ไม่ต่างกับการจมปลักอยู่ในถ้ำวงจรอุบาทว์ ภาพการเมืองแบบเดิมๆและนักการเมืองน้ำเน่าเดิมๆ ซื้อเสียง ขายตัว แลกกับผลประโยชน์และอำนาจ เหมือนดูถูกประชาชน ทั้งที่วันนี้ประชาชนไม่ได้ “โง่ จน เจ็บ” ประชาชนไม่ได้จมปลักติดอยู่ในถ้ำที่ไม่รู้ข้อมูลข่าวสาร รู้ดีว่าประชาคมโลกก้าวไปทางไหน และอยู่ร่วมกันอย่างไร
86 ปีที่การเมืองไทยวนเวียนอยู่กับการรัฐประหารและฉีกรัฐธรรมนูญ จึงเป็นการประจานตัวเองให้โลกเห็นถึง “ผู้มีอำนาจ” ไม่กี่คนไม่กี่กลุ่มที่ยังจมปลักในอำนาจและผลประโยชน์ของตัวเองและพวกพ้อง โดยไม่สนใจว่าประเทศชาติและประชาชนจะหายนะล่มจมอย่างไร
เพ้อฝันด้วยฤทธิ์อำนาจที่มีอยู่
อย่างที่ น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ อดีตเลขาธิการสภาความมั่นคงแห่งชาติ (สมช.) เขียนในคอลัมน์ “ประสงค์พูด” (แนวหน้า 10 กรกฎาคม) เรื่อง “อย่าถือคนบ้า” ย้ำเตือนบ้านเมืองที่ “ผู้มีอำนาจ” หลงตัวเองและหลงอำนาจ โดยเปรียบเทียบกับสุภาษิตที่ว่า “อย่าถือคนบ้า อย่าว่าคนเมา” ว่า คนบ้าที่เกิดจากการเมาอำนาจ ถ้าไม่ดูให้ลึกเข้าไปจริงๆก็จะไม่รู้ว่าเป็นคนเมาประเภทนี้ จะดูแต่เรื่องการแต่งเนื้อแต่งตัวอย่างเดียวไม่ได้ เพราะสิ่งที่เห็นเป็นเพียงสิ่งปรุงแต่ง แต่สิ่งที่อยู่ข้างในต่างหากที่ไม่เหมือนใคร
ต้องรู้จักเขาให้มากกว่าสิ่งปรุงแต่งที่ปิดบังความบ้ากับความเมาไม่ให้ใครเห็น ไม่รู้จักดูให้ลึกเข้าไปก็จะไม่รู้ว่าเขาบ้าหรือเมา อย่าว่าคนเมา คนที่ชอบพูดข่มขู่ผู้อื่นหรือพูดแสดงความเก่งกล้าแบบคนมีอำนาจนั้น แท้จริงเป็นคนอ่อนแอทางจิตใจ ไม่ใช่คนกล้าอย่างที่เห็นเพียงผิวเผิน
เป็นคนที่ใช้ความเพ้อฝันปลอบใจตัวเอง โดยไม่คำนึงถึงความเป็นจริง วุ่นอยู่ในโลกแห่งความเพ้อฝันที่สร้างขึ้นด้วยฤทธิ์อำนาจที่กำลังมีอยู่ ยิ่งต้องมามีอำนาจในการบริหารปกครองบ้านเมืองด้วยแล้ว คนประเภทนี้จะเป็นคนที่ไม่เคยเข้าใจหรือรู้จักหลักการของการเป็นผู้บริหารปกครองที่ดี ที่ไม่ว่าใครก็รู้จักกันว่าคุณสมบัติของนักปกครองที่ดีนั้นคือ
“นักปกครองที่โลกต้องการ ได้แก่นักปกครองที่ดำรงชีวิตอยู่เพื่อประชาชน นักปกครองที่ดีต้องมุ่งมั่นป้องกันรัฐ แต่จะไม่มุ่งหมายสร้างตน สร้างตำแหน่ง และสร้างอำนาจให้แก่ตน นักปกครองต้องอยู่หลังประชาชน จงดูทะเลที่ตั้งอยู่ต่ำกว่าสายธารอื่น แต่ทะเลก็รับกระแสธารไว้ได้ทั้งหมด จงปลูกฝังคุณธรรมลงในตัวเอง และในทุกองคาพยพของสังคม”
อำนาจที่ไร้กระบอง
การเมืองที่กำลังเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการสู่ระบอบประชาธิปไตย แม้จะเป็นประชาธิปไตยแบบไทยๆ “ไทยนิยม” อย่างที่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ตีกรอบไว้ การ “สืบทอดอำนาจ” โดยไร้กระบองท่ามกลางกระแสประชาธิปไตยที่ไหลเชี่ยว แม้จะวางกับดักและอำนาจแฝงไว้อย่างเป็นระบบในรัฐธรรมนูญ ก็แตกต่างสิ้นเชิงกับอำนาจภายใต้ “ระบอบ คสช.” ที่มีอำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด “ทำอะไรก็ไม่ผิด”
รัฐบาลและ คสช. ไม่จำเป็นต้องเต้นแร้งเต้นกาเพื่อให้นิตยสารไทม์ยอมเปลี่ยนฉายาของ พล.อ.ประยุทธ์จาก “สฤษดิ์น้อย” เป็น “ลุงตู่” เพราะกลัวจะเสียภาพพจน์อย่างที่โฆษกกระทรวงการต่างประเทศเขียนตอบโต้นิตยสารไทม์ ทั้งที่ฉายาที่ถูกตั้งขึ้นก็เป็นไปตามสถานการณ์และการใช้อำนาจเผด็จการที่ปรากฏ
ดูดแหลกทั้งแจกทั้งแถม
เหมือนปรากฏการณ์ “ดูดแหลก” ของ “กลุ่มสามมิตร” ไม่ว่า พล.อ.ประยุทธ์หรือผู้มีอำนาจใน คสช. จะปฏิเสธว่าไม่เกี่ยวข้อง ไม่รู้ไม่เห็น แต่ภาพและการเคลื่อนไหวที่ปรากฏของ “กลุ่มสามมิตร” ออกมาแสดงจุดยืนชัดเจนว่าจะสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรีหลังการเลือกตั้ง
ตราบใดที่ พล.อ.ประยุทธ์ไม่แสดงจุดยืนทางการเมืองชัดเจนแบบ “ลูกผู้ชายชาติทหาร” ว่าจะ “ล้างมือในอ่างทองคำ” หรือต้องการจะเป็นนายกรัฐมนตรีต่อ ก็หนีไม่พ้นเสียงวิพากษ์วิจารณ์เรื่องการ “สืบทอดอำนาจ” เพราะภาพการพบปะและมีการต้อนรับอย่างเอิกเกริกของนักการเมืองกลุ่มต่างๆ รวมถึงการให้สัมภาษณ์ของนักการเมืองทั้งแกนนำและลิ่วล้อที่แสดงความฮึกเหิมและเชื่อมั่นกับการเคลื่อนไหวทางการเมือง สอดคล้องกับท่าทีของกลุ่มมีอำนาจในรัฐบาลและ คสช.
2 พรรคใหญ่ยันดูดจริง
ขณะที่พรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ต่างออกมายืนยันว่ามีการ “ดูด” จริง ทั้งมีการเสนอเงินเป็นหลักสิบล้านถึงร้อยล้าน แต่บางคนก็น่าเห็นใจเพราะมีการเอาคดีความมาข่มขู่ ซึ่งจะเป็นลักษณะทั้งแจกทั้งแถม จริงไม่จริงก็ต้องดูการเปิดตัวของ “กลุ่มสามมิตร” ที่ประกาศจะเปิดอย่างยิ่งใหญ่หลังการช่วย “ทีมหมูป่า” สำเร็จแล้ว
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยอมรับว่ามีสมาชิกพรรคลาออกไปแล้วคือที่สุราษฎร์ธานีและจันทบุรี และบางคนอยู่ระหว่างตัดสินใจ อย่างนายสุรเชษฐ์ แวอาแซ อดีต ส.ส.นราธิวาส หรือนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ อดีต ส.ส.กทม. ที่กังวลคือไม่ได้อยากให้เกิดความขัดแย้ง รวมทั้งประชาชนคาดหวังว่าอยากให้หลุดพ้นจากการเมืองเก่าๆ และแก้ปัญหาปากท้องให้เกิดการเปลี่ยนแปลงชัดเจน อยากให้พรรคการเมืองคิดถึงเรื่องเหล่านี้มากกว่า คิดว่าประชาชนเบื่อหน่ายเรื่องการดูด การเสนอต่อรอง เพราะทำให้เรื่องการเมืองกลายเป็นเรื่องการแลกเปลี่ยนต่อรองผลประโยชน์ การเมืองจะปฏิรูปไม่ได้หากไม่เริ่มด้วยความสุจริตเที่ยงธรรม รัฐบาลบอกเองว่าจะเป็นผู้ทำหน้าที่ปฏิรูปก็ต้องปฏิบัติให้เห็นด้วย
นายสุชาติ ลายน้ำเงิน อดีต ส.ส.ลพบุรี พรรคเพื่อไทย แฉทหารใหญ่เรียกทีมอดีต ส.ส.นครราชสีมาและ ส.ส.อีสานเข้าไปรวบหัวรวบหางในค่าย กระแสดูดลามภาคกลาง ถูกทีมพลังประชารัฐรุกหนัก ใครโดนคดี มีหนี้สิน จะดูแลให้ มีเงินรายเดือน มีเงินก้อนโตให้ไปตั้งตัว
นายประเสริฐ จันทรรวงทอง อดีต ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย ยืนยันว่าตัวเองและอดีต ส.ส.นครราชสีมาถูกเจรจาต่อรองให้เข้าร่วมพรรคพลังประชารัฐ โดยเฉพาะช่วงนี้ถูกกดดันต่อรองหนัก แต่เท่าที่คุยทุกคนยังยืนยันจะปักหลักกับพรรคเพื่อไทย เพราะประชาชนในพื้นที่โทรศัพท์มาขอร้องว่าอย่าย้ายพรรค
นายชินวัฒน์ หาบุญพาด พรรคเพื่อไทย กล่าวถึงอดีต ส.ส. และนักการเมืองที่ย้ายพรรคไปร่วมกับขั้วตรงข้าม โดยเปรียบเปรยเหมือนโสเภณีย้ายซ่อง โดยเฉพาะคนที่เคยร่วมเวทีเสื้อแดง เคยพูดกับประชาชนว่าเผด็จการไม่ดี เท่ากับโกหกคนทั้งประเทศใช่หรือไม่ อย่างนี้เท่ากับทำลายนักการเมืองในระบอบประชาธิปไตยทั้งหมดหรือไม่ คนยิ่งด่าว่านักการเมืองเข้ามาเพื่อแสวงหาผลประโยชน์
ดูดให้เมื่อยปากทำไม
คำถาม “กลุ่มสามมิตร” ที่ยังเคลื่อนไหว “ดูด” นักการเมืองพรรคต่างๆเพื่อสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์ ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ออกอาการหงุดหงิดชัดเจนว่า “จะไปดูดให้เมื่อยปากทำไม ใครจะไปดูด เชิญไปดูดกันมาแล้วกัน ผมไม่ได้ไปดูดกับใคร”
พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวก่อนการประชุม ครม. (10 กรกฎาคม) ว่า “หวังว่ารัฐบาลหน้าซึ่งใครจะเป็นก็ไม่รู้ ใครจะดูดไม่ดูดผมไม่รู้ เพราะผมยังไม่ได้ไปอยู่กับใครสักคนเลย เพราะฉะนั้นการที่ทุกคนจะพูดเรื่องการเมืองพูดได้ทุกคน แล้วมันผิดตรงไหนในเมื่อยังไม่เกิดอะไรขึ้น มันจริงไหม แล้วผมถามสมัยก่อนใครก็แล้วแต่เป็นรัฐบาลทำแบบนี้ไหม”
ขณะที่ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่สนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ก็พูดชัดเจนว่าการ “ดูด” หรือดึงนักการเมืองไปร่วมพรรคไม่ผิดและทำได้ทุกพรรค ส่วนข่าว “บิ๊กมีสี” ในภาคอีสานไปพบนักการเมือง พล.อ.ประวิตรบอกว่าไม่ได้ดูด แค่คนรู้จักกันคุยกันไม่ได้หรือ
รออีก 20 ปีค่อยออกจากถ้ำ!!
แม้ 2-3 สัปดาห์ที่ผ่านมา ข่าวของ “กลุ่มสามมิตร” จะถูกข่าวการช่วยเหลือ “13 ชีวิตทีมหมูป่า” ลดทอนลงไปจากหน้าข่าวของสื่อต่างๆก็ตาม แต่ “กลุ่มสามมิตร” ก็ไม่ได้หยุดการเคลื่อนไหว ทั้งยังประกาศว่าจะเปิดตัวอย่างยิ่งใหญ่หลังการช่วย “13 ชีวิตทีมหมูป่า” ออกจากถ้ำหลวงสำเร็จ
วันที่ 10 กรกฎาคม เวลา 21.30 น. นายณรงค์ศักดิ์ โอสถธนากร ในฐานะผู้บัญชาการศูนย์อำนวยการร่วมค้นหาผู้สูญหายฯ (ศอร.) แถลงหลังภารกิจ 17 วันเต็ม นำ “13 ชีวิตทีมหมูป่า” ออกจากถ้ำหลวงสำเร็จและทุกคนปลอดภัยว่า “เราทำในสิ่งที่ไม่มีใครคาดคิด ทำได้ครั้งแรกในโลก มันคือ mission possible ผมอยากให้โป่งผาเป็นโมเดลของคนไทยทั้งประเทศ และถือเป็นภารกิจสำเร็จเป็นครั้งแรกในโลก” ทั้งยกย่อง “จ่าแซม” จ.อ.สมาน กุนัน ที่เสียชีวิตในปฏิบัติการถ้ำหลวงว่าเป็น “วีรบุรุษถ้ำหลวง” ตัวจริง ส่วนพระเอกในเหตุการณ์นี้คือคนทั้งโลก
การปฏิบัติการช่วย “ทีมหมูป่า” ออกจากถ้ำถือเป็นเรื่องมหัศจรรย์ ซึ่ง 3 วันที่นำ 13 ชีวิตออกจากถ้ำ ใช้เจ้าหน้าที่ที่เชี่ยวชาญกว่า 90 คน ในจำนวนนี้เป็นชาวต่างประเทศกว่า 50 คน และคนไทยกว่า 40 คน การลำเลียงเด็กออกจากถ้ำต้องใช้เจ้าหน้าที่เทคนิคดำน้ำ 13 คน โดย 10 คนเป็นนักดำน้ำ อีก 3 คนเป็นฝ่ายเทคนิค มีเจ้าหน้าที่หน่วยซีลไทย 5 นาย โดยใช้วิธีให้เด็กเกาะอยู่ข้างใต้ตัว ใส่หน้ากากแบบเต็มหน้ากันน้ำ มีนักดำน้ำกอดเด็ก และนักดำน้ำอีกคนว่ายประกบด้านหลังและไต่เชือกออกมา
ภารกิจช่วย “13 ชีวิตหมูป่า” ออกจากถ้ำโดยมีทีมนานาชาติกว่า 47 ทีมร่วมปฏิบัติการตั้งแต่วันแรก คนทั่วโลกล้วนดีใจกับความสำเร็จและยกย่องสรรเสริญทีมกู้ภัยทุกคน รวมถึงหัวใจที่เด็ดเดี่ยวอดทนของ “ทีมหมูป่า”
แตกต่างกับอีกมุมหนึ่งอย่างสิ้นเชิงใน “ถ้ำอนาคตการเมืองไทย” คือปรากฏการณ์ “ดูดแหลก” ภายใต้วาทกรรม “ประชาธิปไตยแบบไทยๆ” เพื่อสืบทอดอำนาจ “ระบอบพิสดาร” ที่มีแต่ทำให้การเมืองไทยถอยหลังเข้าถ้ำและจมปลักกับวงจรอุบาทว์ที่มีแต่เสียงประณามและสาปแช่ง เพราะข่าวการตั้งพรรคพลังประชารัฐที่มีชื่อเหมือนโครงการประชารัฐของรัฐบาล ทั้งผู้ที่ขอจดทะเบียนพรรคก็เป็นเพื่อนและใกล้ชิดกับผู้มีอำนาจ โดยเฉพาะนายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ รองนายกรัฐมนตรี ที่เป็นข่าวว่าอยู่เบื้องหลังในการสนับสนุน พล.อ.ประยุทธ์เป็นนายกรัฐมนตรี ก็ไม่ปฏิเสธว่ารู้จักดีกับแกนนำ “กลุ่มสามมิตร”
ทำเนียบรัฐบาลยุค “ไดโนขี่รถถัง” จึงกลายเป็นศูนย์บัญชาการ “ดูด” ของพรรคพลังประชารัฐไปโดยปริยาย แต่ใครจะดูดใครและดูดอย่างไรก็ไม่มีกฎหมายใดที่จะไปเอาผิด นอกจากสะท้อนถึงการเมืองไทยที่ยังจมปลักกับการเมืองแบบเดิมๆและนักการเมืองเดิมๆที่ประชาชนเบื่อหน่าย ยื่นผลประโยชน์และใช้อำนาจต่างๆข่มขู่คุกคามเพื่อสลายฐานของ 2 พรรคใหญ่
ดังนั้น หาก “พลังดูด” สามารถผลักดันให้ “ทั่นผู้นำ” ได้เป็นนายกรัฐมนตรีต่อก็จะมีคำถามว่าการใช้อำนาจรัฐและการเลือกตั้งเป็นไปอย่างบริสุทธิ์ยุติธรรมหรือไม่ ก็ต้องย้อนถาม “ทั่นผู้นำ” ที่เคยตั้งคำถามในลักษณะถากถางและดูถูกดูแคลนนักการเมืองเรื่อง “ธรรมาภิบาล” การได้พรรคการเมืองเดิมๆ นักการเมืองหน้าเดิมๆเป็นรัฐบาลจะเป็นอย่างไร
สวนทางกับวาทกรรมปฏิรูปประเทศและปฏิรูปการเมือง ที่แท้ก็เป็นเพียงแผนการสืบทอดอำนาจ “ระบอบพิสดาร” ภายใต้ “ยุทธศาสตร์ชาติ 20 ปี” เท่านั้น
ชาวไทยและชาวโลกเอาใจช่วยถึง 2 สัปดาห์ เพื่อให้ 13 หมูป่าพ้นจากความมืดออกจากถ้ำจนสำเร็จ แต่สำหรับ “ระบอบประชาธิปไตย” ที่อำนาจสูงสุดเป็นของปวงชนชาวไทยอย่างแท้จริงนั้น คงต้องรอเงียบๆ และอยู่อย่างมืดมิดต่อไปในถ้ำอีกอย่างน้อย 2 ทศวรรษ!!??
You must be logged in to post a comment Login