วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ถอนรากเพื่อไทย

On July 19, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

กลศึกดึงฝ่ายตรงข้ามมาเป็นพวกเพื่อทำให้คู่แข่งอ่อนแอของกลุ่มสามมิตรขณะนี้ได้ขยายแนวทางจากการดูดอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทย การดูดแกนนำกลุ่มเสื้อแดงในแต่ละพื้นที่มาเป็นพวก ไปสู่การละลายความรู้สึกนิยมชมชอบโครงการรับจำนำข้าวให้ลดน้อยลง เพื่อกระจายเสียงชาวนาที่มีกว่า 10 ล้านเสียงไม่ให้เทไปที่พรรคเพื่อไทย แม้จะไม่เกทับโครงการรับจำนำข้าวด้วยการยืนยันตัวเลขราคาข้าวที่เหนือกว่า แต่ประกาศชัดเจนว่าจะทำให้ชาวนาขายข้าวได้ไม่ต่ำกว่าตันละ 8,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ชาวนาอยู่ได้ไม่เดือดร้อน

ด้วยกำแพงเมืองที่ใหญ่โตและแข็งแรง การจะตีกรุงศรีอยุธยาให้แตกพ่าย ข้าศึกจึงใช้วิธีขุดอุโมงค์ไปถึงฐานรากของกำแพง แล้วเอาไฟสุมที่ฐานรากเพื่อให้กำแพงหักโค่นลงมาก่อนที่จะเข้าไปตีเมืองจนแตกพ่าย

ด้วยความแข็งแกร่งทางการเมืองของพรรคเพื่อไทยที่แม้จะถูกจุดไฟเผาบ้าน ผ่านการยุบพรรคมาแล้ว 2 ครั้ง แต่ยังมีความเป็นปึกแผ่น จึงต้องเปลี่ยนวิธีทำลายด้วยการหันมาเผาที่ฐานราก และชักชวนคนในพรรคเพื่อไทยมาเป็นพวก

ด้วยความสำเร็จของกลศึกนี้ จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่การดูดอดีต ส.ส. เข้าสังกัดพรรคการเมืองใหม่ไม่ได้มุ่งเน้นไปที่ระดับแกนนำกลุ่ม แต่กลับมุ่งเป้าไปที่อดีต ส.ส. ที่ไม่ค่อยมีบทบาทโดดเด่นในสภา และอดีต ส.ส. ที่มีสมาชิกในกลุ่มเพียงเล็กน้อย

หนำซ้ำยังมุ่งดูดระดับแกนนำคนเสื้อแดงในแต่ละพื้นที่ไปเป็นพวก เพราะช่วงทศวรรษที่ผ่านมาความแตกแยกทางการเมืองทำให้เกิดการแบ่งขั้วประชาชนอย่างชัดเจน ทำให้พลังของคนเสื้อแดงมีความแข็งแกร่งและเป็นปึกแผ่นขึ้นมาระดับหนึ่ง

เมื่อเอาชนะกันอย่างเด็ดขาดไม่ได้ก็ต้องเอาฝ่ายตรงข้ามมาเป็นพวกให้ได้มากที่สุด

จึงไม่ใช่เรื่องแปลกที่แกนนำกลุ่มสามมิตรมุ่งเดินสายพบอดีต ส.ส. ในภาคอีสานเป็นหลัก และกำลังขยายกลุ่มเป้าหมายไปที่แกนนำกลุ่มเสื้อแดงในแต่ละพื้นที่

นอกเหนือจากกลศึกดึงคนฝ่ายตรงข้ามมาเป็นพวกให้มากที่สุดแล้ว ยังใช้กลศึกดึงมวลชนที่สนับสนุนพรรคเพื่อไทยมาเป็นพวกด้วย

อย่างที่ทราบกันดีว่าโครงการรับจำนำข้าวที่ทำให้อดีตนายกรัฐมนตรีหญิงคนแรกของไทยเดือดร้อนต้องหนีไปอยู่ต่างประเทศ แต่เป็นโครงการที่ยึดครองหัวใจชาวนาได้เป็นอย่างมาก

ทุกครั้งที่ราคาข้าวตกต่ำชาวนาจะพากันนึกถึงโครงการรับจำนำข้าวที่ทำให้พวกเขายกระดับฐานะความเป็นอยู่ขึ้นมาได้เป็นอย่างดี มีเงินใช้ไม่ขัดสน

เมื่อนึกถึงโครงการรับจำนำข้าวแน่นอนว่าต้องนึกถึงชื่อพรรคเพื่อไทยที่เป็นเจ้าของโครงการนี้

จากข้อมูลของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์พบว่า จำนวนเกษตรกรที่เพาะปลูกข้าวในประเทศไทยปัจจุบันมีมากถึง 3.7 ล้านครัวเรือน คิดง่ายๆหากครัวเรือนหนึ่งมีสมาชิก 3 คน พ่อ แม่ ลูก คะแนนเสียงของชาวนาจะมีกว่า 10 ล้านเสียงให้พรรคการเมืองได้ช่วงชิงกัน ซึ่งเป็นจำนวนที่มากพอที่จะทำให้เกิดการเปลี่ยนแปลงทางการเมืองได้

จริงอยู่ว่าการเลือกตั้งที่ผ่านมากว่า 10 ล้านเสียงของชาวนาไม่ได้เทคะแนนให้พรรคเพื่อไทยทั้งหมด แต่เสียงส่วนใหญ่ในกลุ่มชาวนาก็เป็นของพรรคเพื่อไทย ยิ่งโครงการรับจำนำข้าวผลักดันให้ชาวนามีรายได้มากขึ้น พรรคเพื่อไทยยิ่งได้รับความนิยมในหมู่ชาวนา

การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นต้นปีหน้าถือเป็นการเลือกตั้งครั้งแรกหลังการดำเนินโครงการรับจำนำข้าว ตลอดระยะเวลา 4 ปีที่ผ่านมาภายใต้การบริหารประเทศของรัฐบาลทหาร คสช. ทำให้ชาวนามองเห็นความแตกต่างที่สัมผัสได้ในเรื่องราคาข้าว

เมื่อเป็นอย่างนี้จึงต้องละลายความรู้สึกนิยมชมชอบโครงการรับจำนำข้าวให้ลดน้อยลง เพื่อกระจายเสียงชาวนาไม่ให้เทไปที่พรรคเพื่อไทย

การเดินหมากของกลุ่มสามมิตรในช่วงนี้จึงแบ่งออกเป็น 3 ทาง หนึ่งคือชักชวนอดีต ส.ส .เข้าสังกัด สองชักชวนแกนนำคนเสื้อแดงในแต่ละพื้นที่เข้าสังกัด และสามคือละลายความรู้สึกชาวนาที่ยังโหยหาโครงการรับจำนำข้าวด้วยการเดินสายพบปะพูดคุยเพื่อให้ความหวังว่าชาวนาจะได้ราคาข้าวไม่ต่ำกว่าตันละ 8,000 บาท ซึ่งเป็นตัวเลขที่ชาวนาอยู่ได้ไม่เดือดร้อน

เหล่านี้คือกลศึกขุดอุโมงค์เผาฐานรากเพื่อทลายห้างพรรคเพื่อไทยให้พังครืน


You must be logged in to post a comment Login