- อย่าไปอินPosted 10 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เมื่อลูกเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย / โดย พญ.อลิสา กุลปิยะ
คอลัมน์ : โลกสุขภาพ
ผู้เขียน : พญ.อลิสา กุลปิยะ กุมารแพทย์ต่อมไร้ท่อและเมตาบอลิสม ร.พ.กรุงเทพ
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 27 กรกฎาคม- 3 สิงหาคม 2561)
การเปลี่ยนแปลงจากวัยเด็กไปสู่วัยหนุ่มสาวนั้นเป็นเรื่องปรกติ แต่พ่อแม่ผู้ปกครองจะรับมืออย่างไรหากลูกหลานเกิดความเปลี่ยนแปลงทางสรีระก่อนวัยอันควร เช่น เด็กหญิงมีไตเต้านมขึ้นก่อนอายุ 8 ปี หรือมีประจำเดือนก่อนอายุ 9 ปี ร่วมกับมีประวัติสูงเร็ว หรือเด็กชายมีอัณฑะขนาดใหญ่ก่อนอายุ 9 ปี มีขนรักแร้ หนวด หรือกลิ่นตัวร่วมด้วย นั่นอาจเป็นสัญญาณเตือนว่าลูกหลานของท่านกำลังเป็น “โรคเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย”
ภาวะเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยหรือสภาวะที่เด็กโตเร็วกว่าปรกติ (Precocious Puberty) พบได้ในเด็กทั้งเพศหญิงและชาย มักพบในเด็กหญิงมากกว่าเด็กชายประมาณ 8-20 เท่า พ่อแม่ผู้ปกครองจำเป็นต้องหมั่นสังเกต โดยเด็กที่เป็นหนุ่มสาวก่อนวัยนั้นแม้ยังไม่สามารถระบุสาเหตุได้อย่างชัดเจน แต่พบว่าส่วนใหญ่มีสาเหตุเกิดจาก 1.กรรมพันธุ์ โดยเฉพาะถ้าพ่อแม่มีประวัติเข้าสู่วัยหนุ่มสาวเร็ว เช่น พ่อเสียงแตกเร็ว หรือแม่มีประจำเดือนเร็ว ลูกก็อาจจะเป็นหนุ่มเป็นสาวเร็วได้เช่นกัน 2.สิ่งแวดล้อม เช่น ภาวะโภชนาการเด็กที่ร่างกายแข็งแรงสมบูรณ์ นิยมรับประทานอาหารกรุบกรอบ ของทอดของมัน อาหารที่มีไขมันสูง หรืออาหารจานด่วน ก็อาจทำให้เข้าสู่วัยหนุ่มสาวเร็วกว่าปรกติ 3.พยาธิสภาพ อาทิ พยาธิสภาพในสมอง เช่น เคยมีก้อนเนื้องอก สมองเคยขาดออกซิเจน หรือเคยติดเชื้อมาก่อน หรือเคยได้รับการฉายรังสีที่อาจจะไปกระตุ้นให้ต่อมใต้สมองสร้างฮอร์โมนเพศได้ หรือพยาธิสภาพในต่อมเพศ เช่น ถุงน้ำในรังไข่ในเด็กหญิง ก็จะทำให้มีการสร้างฮอร์โมนเพศมากขึ้นเช่นกัน
ทั้งนี้ พบว่า 90% ของเด็กหญิงที่เป็นสาวเร็วมักไม่มีสาเหตุที่แน่ชัด ส่วนอีก 10% คือมีพยาธิสภาพ ในขณะที่เด็กชายมักจะมีพยาธิสภาพได้ถึง 90% ดังนั้น ในเด็กชายจึงต้องทำการตรวจเพิ่มเติมทุกราย โดยสัญญาณเตือนทางร่างกายที่สังเกตได้ถึงความเปลี่ยนแปลงหรือบ่งบอกว่าเด็กคนนั้นกำลังเข้าสู่การเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัย ได้แก่ ในเด็กผู้ชายอายุก่อน 9 ขวบ อัณฑะและองคชาตโตขึ้น เริ่มมีขนบริเวณอวัยวะเพศและรักแร้ นมแตกพาน เสียงแหบห้าว กล้ามเนื้อเป็นมัด เป็นสิว หน้ามัน มีกลิ่นตัว ส่วนสูงเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว มีหนวด ในเด็กผู้หญิงอายุก่อน 8 ขวบ มีเต้านมที่โตขึ้น เริ่มมีขนบริเวณอวัยวะเพศและรักแร้ รูปร่างเปลี่ยนไป เช่น เอวคอด สะโพกผาย มีตกขาวหรือมีประจำเดือน เป็นสิว หน้ามัน มีกลิ่นตัว และส่วนสูงเพิ่มเร็ว เป็นต้น
การเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยเกิดผลกระทบทั้งร่างกายและจิตใจ ด้านร่างกายคือ การที่เด็กมีฮอร์โมนเพศในปริมาณสูงกว่าปรกติจะทำให้เด็กโตเร็วกว่าเพื่อนๆในวัยเดียวกัน ฮอร์โมนเพศจะทำให้กระดูกโตเร็วและปิดเร็ว และหยุดการเจริญเติบโต สิ่งที่ตามมาคือ ระยะเวลาการเจริญเติบโตในวัยเด็กจะสั้นลงกว่าเด็กปรกติ จึงทำให้เตี้ยเมื่อเป็นผู้ใหญ่ และในด้านจิตใจคือ เด็กหญิงในกลุ่มนี้จะมีสรีระร่างกายภายนอกดูเป็นสาววัยรุ่น ในขณะที่จิตใจยังคงเป็นเด็ก ทำให้เกิดความไม่สอดคล้องกันระหว่างวุฒิภาวะทางร่างกายและจิตใจ อาจนำไปสู่ปัญหาการล่อลวงได้ง่าย นอกจากนี้เด็กอาจรู้สึกว่าตัวเองมีรูปร่างแตกต่างไปจากเพื่อนๆวัยเดียวกัน อาจทำให้โดนล้อเลียนและมีพฤติกรรมแยกตัว ส่วนปัญหาด้านจิตใจในเด็กชาย เนื่องจากการเป็นหนุ่มก่อนวัยฮอร์โมนเพศชายจะสูงกว่าปรกติ นำไปสู่การมีพฤติกรรมก้าวร้าว อารมณ์รุนแรง มีอารมณ์ทางเพศ
วิธีตรวจวินิจฉัยคือ เมื่อสงสัยว่าเด็กเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยให้รีบเข้ารับการตรวจร่างกายกับกุมารแพทย์ด้านต่อมไร้ท่อในทันที นอกจากตรวจร่างกายและประเมินการเจริญเติบโตแล้ว แพทย์จะทำการตรวจวินิจฉัยตามขั้นตอนดังนี้ 1.ตรวจอายุกระดูก โดยการเอกซเรย์ที่กระดูกข้อมือซ้าย เพื่อประเมินว่ามีอายุกระดูกล้ำหน้ากว่าอายุจริงหรือไม่ การประเมินในจุดนี้เป็นเพราะภาวะดังกล่าวจะส่งผลกระทบกับความสูงสุดท้ายเมื่อเป็นผู้ใหญ่ 2.ตรวจเลือดวัดระดับฮอร์โมน โดยทำการทดสอบฮอร์โมน GnRH stimulation test ซึ่งเป็นการวัดระดับฮอร์โมนเพศในร่างกาย 3.ตรวจ MRI สมอง เพื่อหาสาเหตุของโรคเป็นสาวเร็ว 4.ทำอัลตราซาวนด์ช่องท้องส่วนล่าง เพื่อหาสาเหตุและประเมินขนาดมดลูกและรังไข่อีกทางหนึ่ง
การป้องกันความเสี่ยงในการเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยที่ง่ายที่สุดคือ ควบคุมน้ำหนักของเด็กให้เป็นไปตามเกณฑ์มาตรฐาน ให้เด็กรับประทานอาหารตามโภชนาการที่เหมาะสมและออกกำลังกายเป็นประจำ เพื่อการมีสุขภาพที่แข็งแรงตามวัย
หากผู้ปกครองสงสัยหรือไม่แน่ใจว่าบุตรหลานเป็นหนุ่มเป็นสาวก่อนวัยหรือไม่ ควรพาเด็กไปพบแพทย์เพื่อรับการวินิจฉัยอย่างแน่ชัด ที่สำคัญพ่อแม่ควรใส่ใจอย่างใกล้ชิด เพื่อให้ลูกมีร่างกายที่เจริญเติบโตตามวัยอย่างเหมาะสม เพิ่มศักยภาพในการใช้ชีวิตได้อย่างเต็มที่ สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่ ศูนย์กุมารเวชกรุงเทพ โรงพยาบาลกรุงเทพ โทร.0-2310-3006, 0-2755-1006 หรือโทร.1719
You must be logged in to post a comment Login