วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เตรียมตัวตาย

On August 15, 2018

คอลัมน์ สันติธรรม “เตรียมตัวตาย”

โดย บรรจง บินกาซัน

(โลกวันนี้วันสุข วันที่ 17-24 สิงหาคม 2561)

หนึ่งในพรหมลิขิตคือการกำหนดกฎเกิด แก่ เจ็บ ตาย ไว้สำหรับมนุษย์ทุกคน กฎนี้ไม่มีมนุษย์คนใดสามารถหลีกเลี่ยงได้

การเกิดเป็นสิ่งที่ไม่มีมนุษย์คนใดเตรียมไว้ แต่เมื่อเกิดมาแล้ว ความแก่ ความเจ็บไข้ได้ป่วย และความตาย รอมนุษย์อยู่ข้างหน้า ทุกคนจึงต้อง เตรียมตัว

ด้วยความจริงของชีวิตดังกล่าวมา จึงมีบริษัทประกันมาทำหน้าที่ช่วยมนุษย์เตรียมตัวสำหรับเคราะห์กรรมที่ไม่รู้ว่าจะเกิดขึ้นเมื่อใดและหนักหนาสาหัสแค่ไหน การทำประกันชีวิตไว้อาจได้รับการชดใช้ค่าเสียหาย หรืออาจมีเงินใช้ในยามชรา หรือทำให้ตัวเองสบายใจที่ลูกหลานผู้รับประโยชน์จะได้มีเงินใช้เมื่อตัวเองตายจากไป

แต่ชีวิตไม่ได้สิ้นสุดลงตรงความตาย วิญญาณต้องเดินทางต่อ และชะตากรรมของวิญญาณมนุษย์จะเป็นอย่างไรหลังความตาย ไม่มีบริษัทประกันแห่งใดสามารถประกันสวรรค์ให้ผู้ถือกรมธรรม์ได้ ดังนั้น ถ้าใครอยากจะได้ความสุขสบายหลังความตาย คนผู้นั้นต้องเตรียมตัวเอง

ความจริงของชีวิตในเรื่องนี้เป็นสิ่งที่มนุษย์ตระหนักมาตั้งแต่ดึกดำบรรพ์แล้ว ดังนั้น มนุษย์จึงมีการเตรียมตัวสำหรับชีวิตหลังความตายไว้ในลักษณะที่แตกต่างกันไปตามความเชื่อของตน

pharo1

ฟาโรห์เชื่อว่าโลกหลังความตายมีจริง แต่เขาคิดผิดว่าเมื่อมนุษย์หรือสิ่งมีชีวิตตายจากโลกนี้ไป วิญญาณของมนุษย์และสิ่งมีชีวิตจะกลับมาสู่ร่างของมนุษย์ในโลกนี้อีก ดังนั้น เขาจึงสั่งให้เก็บศพของเขาและสัตว์เลี้ยงแสนรักของเขา เช่น สุนัข จระเข้ ไว้ในรูปมัมมี่ และยังสะสมทรัพย์สินไว้มากมายเพื่อใช้ในโลกหลังความตายเมื่อวิญญาณของเขากลับมาจุติในร่างของเขาอีกครั้งหนึ่ง

ด้วยความเชื่อเช่นนี้จึงทำให้ฟาโรห์ต้องสะสมทรัพย์สมบัติไว้ด้วยความโลภและหวงแหนเพื่อชีวิตในโลกหน้า ไม่เพียงเท่านั้นเขายังสั่งให้เก็บมัมมี่และทรัพย์สมบัติของเขาไว้ในพีระมิดเพราะกลัวว่าจะมีคนมาขโมยไป แต่จนทุกวันนี้กว่า 3,000 ปีแล้ว วิญญาณของฟาโรห์ก็ยังไม่กลับมาสู่ร่างของเขาเพื่อใช้ชีวิตและเสพสุขจากทรัพย์สินอันมากมายมหาศาลที่เขาสะสมไว้

ชาวจีนซึ่งเป็นชนชาติที่มีอารยธรรมเก่าแก่ก็มีความเชื่อคล้ายกับฟาโรห์ ระหว่างมีชีวิตชาวจีนจะเตรียมตัวสำหรับความตายของตนเองโดยการจัดหาสุสานที่มีทำเลดีๆไว้เป็นของตนเอง คนมีอันจะกินจะซื้อที่กว้างขวางไว้สำหรับฝังศพตัวเอง ไม่เพียงเท่านั้นชาวจีนยังเชื่อว่าหลังจากตายไปแล้ว ในโลกหน้าวิญญาณยังต้องการสิ่งจำเป็นและสิ่งอำนวยความสะดวกเหมือนกับในโลกนี้ ดังนั้น ลูกหลานจึงทำพิธีเผากงเต็กให้บรรพบุรุษผู้วายชนม์เพื่อเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญู

ในคาบสมุทรอาหรับก่อนสมัยอิสลาม ชาวอาหรับเชื่อว่าการตายของมนุษย์ไม่ต่างอะไรไปจากการตายของสัตว์ที่ไม่ต้องรับผิดชอบต่อการกระทำของตัวเองหลังความตาย บางกลุ่มชนเชื่อว่าบุคคลที่ตัวเองนับถือเป็นพระเจ้าจะช่วยเหลือตัวเองให้รอดพ้นจากการถูกลงโทษในนรกได้ ด้วยความเชื่อเช่นนี้ชาวอาหรับจึงใช้ชีวิตเหมือนกับคนในสังคมที่ไม่มีขื่อแปและเจ้าหน้าที่ตำรวจ

เมื่อนบีมุฮัมมัดเริ่มเผยแผ่อิสลาม สิ่งแรกที่ท่านสั่งสอนผู้คนคือเรื่องการศรัทธาในพระเจ้าองค์เดียวและตามด้วยเรื่องการฟื้นคืนชีพหลังความตาย ภาพสวรรค์ที่เป็นรางวัลตอบแทนผู้ศรัทธาในพระเจ้าและกระทำความดีและภาพนรกที่เตรียมไว้สำหรับคนทำชั่วจึงถูกนำมาฉายด้วยคำพูดให้ชาวอาหรับได้รู้เพื่อที่แต่ละคนจะได้เตรียมตัวเดินทางไป

นบีมุฮัมมัดกล่าวไว้ชัดเจนว่า ในโลกหลังความตายวิญญาณไม่ต้องการสิ่งที่เป็นวัตถุอีกแล้ว เพราะโลกหลังความตายเป็นโลกแห่งการเก็บเกี่ยวหรือโลกแห่งการตอบแทน ส่วนโลกนี้เป็นโลกแห่งการเพาะปลูก ใครปลูกอะไรไว้ก็จะได้สิ่งนั้น

นอกจากนี้แล้วนบีมุฮัมมัดยังได้กล่าวอีกว่า เมื่อมนุษย์คนใดตายลง การงานของเขาก็เป็นอันสิ้นสุด แต่สิ่งที่จะติดตัวเขาไปมีแค่เพียงศาสนกิจที่เขาได้ทำไว้ วิทยาทานหรือสาธารณสมบัติที่จะส่งผลบุญให้ชีวิตหลังความตายของเขาอย่างต่อเนื่องและลูกที่ดีขอพรให้

คนมุสลิมจึงไม่ห่วงเรื่องที่ฝังศพและไม่สามารถจองที่ฝังศพของตัวเองไว้ล่วงหน้า แต่สิ่งที่มุสลิมเป็นห่วงคือเรื่องการกระทำของตัวเองก่อนลงหลุมฝังศพ

 


You must be logged in to post a comment Login