- ตั้งสติให้ดี “โลกนี้ มีเกิด มีตาย”Posted 2 months ago
- อย่าหาเรื่องอยู่ร้อน นอนทุกข์Posted 2 months ago
- โลกธรรมPosted 2 months ago
- อนุโมทนา คนพิการสู้ชีวิตPosted 2 months ago
- สลายความเกลียดชังPosted 2 months ago
- สู้ดีกว่าลาโลกPosted 2 months ago
- ใช้คาถาพระพยอมบ้างPosted 2 months ago
- เสียงชื่นชมดีกว่าเขาด่าPosted 2 months ago
- ต้องใช้ยาแรงกับคนขายชาติPosted 2 months ago
- บทเรียนผู้เห็นกงจักรเป็นดอกบัวPosted 2 months ago
ยากจนพิเศษ / โดย นายหัวดี

คอลัมน์ : ฉุก(ละหุก)คิด
ผู้เขียน : นายหัวดี
“ประสาร ไตรรัตน์วรกุล” ประธานกรรมการบริหารกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา (กสศ.) กล่าวถึง “การปฏิรูปประเทศ” โดย “การปฏิรูปการศึกษา” เป็น 1 ใน 2 เรื่องการปฏิรูปที่ถูกระบุในรัฐธรรมนูญฉบับปัจจุบัน
รัฐธรรมนูญ มาตรา 261 กำหนดให้มี “คณะกรรมการอิสระเพื่อการปฏิรูปการศึกษา (กอปศ.)” และมาตรา 54 กำหนดให้จัดตั้งกองทุนเพื่อใช้ในการช่วยเหลือผู้ขาดแคลนทุนทรัพย์ ลดความเหลื่อมล้ำในการศึกษา เสริมสร้างและพัฒนาคุณภาพและประสิทธิภาพครู ให้แล้วเสร็จภายใน 1 ปีหลังรัฐธรรมนูญมีผลบังคับใช้
เป็นครั้งแรกในไทยที่มีการพัฒนาระบบสารสนเทศเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษาระดับชาติ (Information System for Equitable Education : iSEE) เชื่อมโยงเลขประจำตัว 13 หลัก กลุ่มเป้าหมายกองทุนกว่า 4 ล้านคน เชื่อมโยงฐานข้อมูลขนาดใหญ่ 6 กระทรวง เพื่อให้ได้ข้อมูลครบทุกมิติในการลดความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา
ระบบ iSEE จะช่วยให้เห็นเด็ก เยาวชน และประชาชนทุกคนที่เป็นกลุ่มเป้าหมายของกองทุน เพื่อไม่ให้ถูกทิ้งไว้ข้างหลังอีกแม้แต่คนเดียว
ที่น่าสนใจคือข้อมูลรายบุคคลของนักเรียนในสถานศึกษาสังกัด สพฐ. มากกว่า 1.6 ล้านคนทั่วประเทศที่ครอบครัวมีสถานะยากจน รายได้ครัวเรือนต่ำกว่า 3,000 บาทต่อคนต่อเดือน มีสภาพที่อยู่อาศัยทรุดโทรม ผู้ปกครองไม่มีรายได้ ไม่มีรถยนต์ และไม่มีที่ดินทำกินเกิน 1 ไร่
ในจำนวนนี้มีนักเรียนประมาณ 620,000 คนที่ผู้ปกครองมีรายได้เฉลี่ยเพียงเดือนละ 1,281 บาทต่อคน หรือเฉลี่ยเพียงวันละ 42.70 บาทเท่านั้น นักเรียนกลุ่มนี้เรียกว่า “นักเรียนยากจนพิเศษ” ซึ่งต้องช่วยเหลือโดยเร่งด่วน
นี่คือหนึ่งในความเหลื่อมล้ำในยุค “รวยกระจุก จนกระจาย”!
You must be logged in to post a comment Login