ท่องเที่ยว…วิถีชมชุนริมน้ำภาคตะวันออกโดย ป.ท่องเที่ยว

• Tweet
• 

เมื่อเร็วๆนี้ผู้เขียนมีโอกาสร่วมเดินทางไปทดสอบเส้นทางการท่องเที่ยวทางน้ำ จังหวัดจันทบุรี-ระยอง ซึ่งเป็นโครงการส่งเสริมเส้นทางท่องเที่ยวทางน้ำจัดโดยการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) นำเสนอจุดแข็งของประเทศ ฯ คือวิถีไทย ที่ต่างจากประเทศอื่นๆและเป็นที่ชื่นชอบของนักท่องเที่ยวต่างชาติ ส่งผลให้คนในท้องถิ่นเกิดความรู้สึกรักสามัคคีเป็นส่วนหนึ่งของการท่องเที่ยวก่อให้เกิดรายได้ไหลเข้าสู่ชุมชนอย่างต่อเนื่องนำไปสู่ความยั่งยืนทางเศรษฐกิจ สังคมและการท่องเที่ยวในอนาคต

“ การท่องเที่ยวตามลำน้ำ ลำคลอง ” เป็นรูปแบบการท่องเที่ยวที่เกี่ยวเนื่องกับวิถีชีวิต ของคนไทยเป็นส่วนใหญ่ ที่มีวิถีชีวิตผูกพันกับสายน้ำ ตั้งแต่ในสมัยอดีตซึ่งสมัยก่อน กรุงเทพฯเคยได้สมญาว่า  “เมืองเวนิสตะวันออก ” มาแล้วปัจจุบันการท่องเที่ยวตามลำน้ำ ยังได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั้งคนไทยและต่างชาติที่ชื่นชมวิถีชีวิตชุมชนสองฝั่งแม่น้ำลำคลอง รวมถึงโบราณสถานและสิ่งปลูกสร้างต่างๆ ที่ตั้งอยู่ริมสองฝั่งคลองของไทยซึ่งได้รับการยอมรับว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวทางน้ำที่สวยงามและมีชื่อเสียง

จุดเด่นในเรื่องสภาพภูมิศาสตร์และสภาพภูมิประเทศของประเทศไทยที่มีทรัพยากรธรรมชาติทางทะเลและมีแม่น้ำจำนวนมากกระจัดกระจายอยู่ทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ  เมืองไทยมีความยาวของชายฝั่งทะเล ฝั่งอ่าวไทยและอันดามันรวมถึงช่องแคบมะละกาตอนเหนือมากกว่า3,148.23 กิโลเมตรครอบคลุมพื้นที่ 23 จังหวัดและยังมีบริเวณลุ่มแม่น้ำสำคัญทั่วประเทศจำนวน25 แห่งและลุ่มแม่น้ำย่อยจำนวน 254 แห่ง ทำให้ประเทศไทยของเรากลายเป็นจุดหมายปลายทางของนักท่องเที่ยวที่ชื่นชอบเรื่อง“การท่องเที่ยวทางน้ำ”

รัฐบาลไทยได้มีการพัฒนาศักยภาพด้านการท่องเที่ยวทางฝั่งแม่น้ำโขง อยู่เสมอและมีศักยภาพเพียงพอต่อการรองรับนักท่องเที่ยวและมีการเผยแพร่ประชาสัมพันธ์การจัดกิจกรรมส่งเสริมการท่องเที่ยวริมฝั่งแม่น้ำโขงอยู่เสมอ

กองส่งเสริมการบริการท่องเที่ยว การท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย(ททท.) ได้เล็งเห็นความสำคัญของนักท่องเที่ยวกลุ่มดังกล่าวที่มีแนวโน้มเติบโตเพิ่มมากขึ้นจะส่งผลให้เกิดสภาพคล่องทางเศรษฐกิจของประเทศฯและเป็นอีกช่องทางสำคัญที่จะช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจ ของประเทศให้มีสภาพคล่อง เกิดรายได้หมุนเวียน และ ส่งผลดีต่อ ระบบเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ จึงได้จัดบริการการท่องเที่ยวที่สอดคล้องรับกับความต้องการของนักท่องเที่ยวที่เดินทางกันมาเป็นกลุ่ม ที่ประสงค์ท่องเที่ยวทางน้ำ และกลุ่มเรือสำราญโดยบูรณาการ ความร่วมมือกับภาคีเครือข่าย ด้านการท่องเที่ยวเพื่อส่งเสริมสินค้าและการบริการท่องเที่ยว ที่มีคุณภาพในพื้นที่ clusterต่อไป

การทดสอบเส้นทางการท่องเที่ยวทางน้ำในครั้งนี้มีเป้าหมายเพื่อส่งเสริมการท่องเที่ยวทางน้ำ และกลุ่มเรือสำราญ  ให้พร้อมเสนอขายการท่องเที่ยวและผู้ประกอบการเป็นการบูรณาการ ความร่วมมือสร้างเครือข่ายด้านการท่องเที่ยวกลุ่มเป้าหมาย เน้นกลุ่มนักท่องเที่ยวที่นิยมเดินทางท่องเที่ยวทางแม่น้ำลำคลอง กลุ่มเรือสำราญ และผู้ประกอบการด้านการท่องเที่ยว

สำหรับการท่องเที่ยวครั้งนี้ ผู้เขียนมีโอกาสสัมผัสกับการท่องเที่ยวชุมชนบางกะจะ หมู่บ้านท่องเที่ยวOTOP ที่มีเรื่องราวน่าสนใจทางด้านประวัติศาสตร์จุดแรกที่คณะเราไปสัมผัสเป็นชุมชนบ่อพลอยเหล็กเพชรเป็นเหมืองพลอยโบราณที่เพิ่งเปิดได้ไม่นาน ที่นี่มีการขุดหาพลอยแบบโบราณและ  เปิดเป็นศูนย์เรียนรู้เรื่องพลอยสำหรับประชาชนทั่วไปดึงดูดให้ผู้สนใจแวะเวียนเข้ามาเรียนรู้ วิธีการหาพลอยแบบโบราณ ซึ่งผู้สนใจสามารถขุดพลอยเองได้ และรับพลอยไปได้เลย ก่อนเดินทางกลับแนะนำให้แวะทานอาหารอร่อยๆ ที่ “ ร้านก๋วยเตี๋ยวขลุกขลิก” เมนูอาหารขึ้นชื่อของที่นี่ที่ใครมาก็ต้องสั่งก็คือ ก๋วยเตี๋ยวทะเลเลิศรส ข้าวคลุกพริกเกลือ ฯลฯ  อร่อยเด็ดทุกจานต้องสั่งซ้ำรอบสอง

หายหิว เดินทางต่อไป ล่องเรือชมธรรมชาติกันต่อที่ คลองหนองบัว เรือหางยาวขนาดกลาง จุนักท่องเที่ยวได้ประมาณ 10 กว่าคนรับพวกเราไปล่องเรือชมวิถีชุมชนของชาวบ้านริมคลอง ชาวบ้านในชุมชนแห่งนี้ส่วนใหญ่ ทำอาชีพประมง หาปลา เลี้ยงหอยนางรม

ลำคลองหนองบัว ในยามเย็น ดูสงบเงียบ สองฝั่งคลองมีป่าต้นโกงกาง ที่เกิดขึ้นเองตามธรรมชาติ  พวกเรารีบยกกล้องถ่ายภาพนกเหยี่ยวแดงบินโฉบกินมันหมู ที่คนขับเรือหางยาว โรยมันหมูให้นกกิน ถัดมาอีกหน่อย เห็นนกอีกาตัวดำๆ บินโฉบมากินมันหมูที่ลอยอยู่บนผิวน้ำ

หลังอิ่มอก อิ่มใจกับบรรยากาศความงดงามของการล่องเรือเที่ยวในครั้งนี้แล้วก็ถึงเวลาเติมพลังด้วยอาหารมื้อค่ำกันที่  “ ร้านจันทร์โภชนา”  ขอบอกว่าร้านอาหารแห่งนี้ มีอาหารอร่อยทุกเมนู  ทุกคนยกนิ้วยืนยันความอร่อยของ “ ผักเส้นจันท์ ” เมนูอาหารดังพื้นบ้านของจันทบุรีที่อร่อยเด็ดไม่แพ้กันคือ ต้มยำปลา ผัดถั่วกะปิ ไก่อบซอส ฯลฯ

เปิดฟ้าวันใหม่ คณะของเราตะลุยท่องเที่ยวทางน้ำกันต่อที่ ชุมชนบ้านทะเลน้อย  ชุมชนต้นแบบที่นำปรัชญาเศรษฐกิจพอเพียง มาปรับใช้ในท้องถิ่น ทำให้ชุมชนเกิดความเข้มแข็ง  หมู่บ้านทะเลน้อย มีชื่อเสียงโด่งดังในเรื่อง การปลูกผักกระชับ ปัจจุบันมีชาวบ้านจำนวน 13 ครอบครัว ที่ปลูกผักกระชับเป็นรายได้หลักเลี้ยงดูครอบครัวได้เป็นกอบเป็นกำ

ชาวบ้าน ได้นำผักกระชับมาปรุงเป็นอาหารเลิศรส ให้พวกเราได้รับประทานเป็นอาหารมื้อเที่ยงหลากหลายเมนู เช่น แกงส้มผักกระชับ ปลาเค็มทอดแดดเดียว  ต้มยำไก่กะวาน ตามด้วยไข่เจียวหอมกรุ่น และน้ำพริกกะปิรสเลิศ มีผักกระชับ ขนุนต้ม ไหลบัวอ่อน เป็นผักเครื่องเคียง และมี ขนมจาก ขนมครกเป็นเมนูของหวานตบท้าย อร่อยทุกอย่าง ….ขอบอก

มาจันทบุรีทั้งที ไม่ได้แวะชมแหล่งท่องเที่ยวเชิงประวัติศาสตร์ ก็ไม่ครบรสแน่นอน  พวกเราแวะชมเส้นทางประวัติศาสตร์ การเดินทัพของ “สมเด็จพระเจ้าตากสินมหาราช ” กษัตย์ยอดนักรบผู้ยิ่งใหญ่ที่เคลื่อนทัพผ่าน “ บ้านทะเลน้อย ” เข้าตีเมืองจันทบูร จุดที่ตั้งทัพในครั้งนั้น ได้กลายเป็นที่ตั้งของ“วัดราชบัลลังก์ประดิษฐาวราราม ”  ที่มีโบสถ์เก่าโบราณอายุกว่า 300 ปีพวกเราแวะไหว้พระขอพรกันสักพักก่อนเดินทางไปล่องเรือชมธรรมชาติแม่น้ำประแส ที่ไหลผ่านหมู่บ้านทะเลน้อย ไปทะลุอ่าวไทยได้เลยค่ะ

สองฝั่งแม่น้ำประแส เป็นชุมชนชาวประมงเก่าแก่  ที่จับปลา และทำฟาร์มหอยนางรมเลี้ยงครอบครัวอยู่ริมน้ำประแส มาช้านานแล้วตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ชาวบ้านส่วนใหญ่มีวิถีชีวิตที่เรียบง่ายผูกพันกับทะเลและสายน้ำลำคลองชาวชุมชนแห่งนี้ช่วยกันอนุรักษ์สถาปัตยกรรมบ้านเรือนไม้ริมคลองแบบดั้งเดิมเช่นเดียวกับปู่ย่าตายายของพวกเขา

ผู้เขียนมีโอกาส เดินเที่ยวชมบ้านเรือนในชุมชนแห่งนี้ ที่ดูสะอาดสวยงามเรียบง่าย และเดินชมความงดงามของ เรือรบหลวงประแส  พอได้เวลาสมควร พวกเราก็ไปเที่ยวต่อที่ทุ่งโปรงทองโดยใช้รถซาเล้งเป็นพาหนะในการเดินทางในระยะทางใกล้ๆ ไม่กี่ร้อยเมตร จ่ายค่าโดยสารคนละ 5 บาทก็ได้สนุกกับการท่องเที่ยวอีกแบบ

ต้นโปรงทองมีความสูงประมาณ 2-3 เมตร มองไปทางไหนก็เห็นป่าต้นโปรงทองสีเหลืองเต็มไปหมด ดูสวยงามแปลกตามาก ในแต่ละวัน จะมีนักท่องเที่ยวนับพันๆคนเดินทางเข้ามาชมความงดงามของป่าต้นโปรงทอง สุดลูกหูลูกตา จบ ทริปนี้พวกเราเดินทางกลับกรุงเทพฯ โดยสวัสดิภาพพร้อมเก็บภาพความงดงามของการท่องเที่ยวทางน้ำของจันทบุรีและระยองไว้ในความทรงจำ  หากวันใดมีเวลาว่าง ตั้งใจกลับมาเที่ยวในย่านนี้ซ้ำอีกหลายหนแน่นอน

You must be logged in to post a comment Login