- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 10 hours ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 2 days ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 5 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 5 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 6 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 1 week ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
ปิดกั้น-แทรกแซง / โดย นายหัวดี
คอลัมน์ : ฉุก(ละหุก)คิด
ผู้เขียน : นายหัวดี
เว็บไซต์ iLaw รวบรวมการปิดกั้นและแทรกแซงกิจกรรมสาธารณะยุค คสช. กว่า 4 ปีที่ผ่านมาจนถึงปัจจุบัน (20 สิงหาคม 2561) พบว่ามีไม่น้อยกว่า 198 ครั้งที่เจ้าหน้าที่เข้ามาปิดกั้นหรือแทรกแซงกิจกรรมต่างๆ
ปี 2561 มีการปิดกั้นและแทรกแซงกิจกรรมไม่น้อยกว่า 27 งาน ปี 2560 มีการปิดกั้นและแทรกแซงกิจกรรมไม่น้อยกว่า 28 งาน ปี 2559 มีการปิดกั้นและแทรกแซงกิจกรรมไม่น้อยกว่า 36 งาน ปี 2558 มีการปิดกั้นและแทรกแซงกิจกรรมไม่น้อยกว่า 67 งาน และปี 2557 มีการปิดกั้นและแทรกแซงกิจกรรมไม่น้อยกว่า 40 งาน
โดยแต่ละครั้งเจ้าหน้าที่จะใช้มาตรการในระดับต่างๆกันไป ตั้งแต่การสั่งไม่อนุญาตให้จัดกิจกรรมด้วยช่องทางโทรศัพท์ การเข้ามาที่สถานที่จัดงานเพื่อกดดันให้เจ้าของสถานที่งดจัดกิจกรรม หรืออนุญาตให้จัด แต่ตั้งเงื่อนไขต่างๆ เช่น ขอให้เปลี่ยนวิทยากรที่เข้ามาพูดในงาน กำหนดไม่ให้ใช้คำที่อ่อนไหวในบริบทของสังคม เช่น “เผด็จการ” และ “กบฏ” เป็นต้น และการสร้างความไม่สะดวกทางอ้อม เช่น ไม่อนุญาตให้ใช้เครื่องเสียง ตัดไฟฟ้า เป็นต้น
กิจกรรมสาธารณะที่ถูกจับตามองจากภาครัฐมักจะเป็นเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการเมือง หรือประเด็นที่เปราะบางในเวลานั้น กรณีที่เห็นเด่นชัดที่สุดคือ การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญปี 2559 ถูกปิดกั้นและแทรกแซงจากรัฐไม่น้อยกว่า 20 กิจกรรม ทั้งนักกิจกรรมหรือผู้จัดงานกิจกรรมเหล่านี้ยังถูกดำเนินคดีอีกด้วย
การปิดกั้นและแทรกแซงกิจกรรมสาธารณะที่นำมาใช้เป็นหลักคือ คำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 3/2558 และ พ.ร.บ.การชุมนุมสาธารณะ พ.ศ. 2558 โดยใช้การข่มขู่เพื่อให้การชุมนุมหรือการจัดกิจกรรมถูกยกเลิกให้ได้
You must be logged in to post a comment Login