- อย่าไปอินPosted 8 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
กระทบถึง‘บิ๊กตู่’
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
ขณะที่กำหนดการเลือกตั้งมีทิศทางชัดเจนมากขึ้นเรื่อยๆ กลับมีอุปสรรคใหม่ให้ “บิ๊กตู่” ต้องปวดหัว แม้จะไม่ใช่เรื่องที่เกิดกับหัวหน้า คสช. โดยตรง แต่ก็เลี่ยงผลกระทบที่กระเพื่อมมาถึงไม่ได้ เพราะประเด็นใหม่ที่ถูกจุดขึ้นมาเกี่ยวข้องกับบุตรชายของ “บิ๊กป๊อก” 1 ใน 3 แกนนำสำคัญของ คสช. โดยเฉพาะอย่างยิ่งเป็นเรื่องเกี่ยวกับความโปร่งใสในการทำโครงการรัฐที่มีงบประมาณเกี่ยวข้องค่อนข้างสูง แม้ยังเป็นเพียงข้อกล่าวหา แม้ยังต้องรอการพิสูจน์ข้อเท็จจริง แต่สิ่งที่ไม่ต้องรอคือผลกระทบต่อเส้นทางการเมืองของหัวหน้า คสช. ที่เกิดขึ้นแล้ว
หลังกำหนดวันเลือกตั้งยังไม่มีความแน่นอนว่าจะเกิดขึ้นได้เมื่อไร แต่ฝ่ายที่เกี่ยวข้องยืนยันว่าอยู่ในกรอบเวลา 150 วัน หลังพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับการเลือกตั้งฉบับสุดท้ายมีผลบังคับใช้อย่างเป็นทางการ
จนถึงขณะนี้สรุปได้ว่ากรอบการเลือกตั้งอยู่ระหว่างช่วงปลายเดือนกุมภาพันธ์ถึงไม่เกินวันที่ 5 พฤษภาคมปีหน้า ส่วนจะมีปัจจัยอะไรมาแทรกให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไปจากกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดหรือไม่ยังเป็นเรื่องที่ต้องตามลุ้นกันต่อไป
อย่างไรก็ตาม หากไม่มีอะไรเข้ามาแทรกคิว ช่วงปลายเดือนหน้าจะได้เห็นคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) คลายคำสั่งหัวหน้า คสช. ที่ 53/2560 เพื่อให้พรรคการเมืองเริ่มขยับแข้งขยับขาเพื่อเตรียมการเลือกตั้งได้ เช่น จัดประชุมใหญ่เพื่อรับสมัครสมาชิก ประชุมแก้ไขข้อบังคับพรรคการเมือง และเตรียมดำเนินการเรื่องไพรมารีโหวตที่ขณะนี้ยังไม่รู้ว่าจะใช้รูปแบบใด ส่วนกิจกรรมอื่นใดนอกจากนี้หากพรรคการเมืองจะทำต้องยื่นขออนุญาต คสช. ก่อน
ท่ามกลางความไม่มั่นใจ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ยืนยันเสียงดังอีกครั้งว่าการเลือกตั้งยังเป็นไปตามกรอบเดิมที่พูดคุยกันไว้ และยังไม่มีปัจจัยใดที่จะทำให้การเลือกตั้งต้องเลื่อนออกไป รวมถึงยังไม่มีเงื่อนไขใดที่จะทำให้การเลือกตั้งเลื่อนมาเร็วขึ้นกว่าที่กำหนดไว้ด้วย
“บิ๊กตู่” ประกาศด้วยว่าการพูดคุยกับพรรคการเมืองรอบที่สองคาดว่าจะมีขึ้นได้ในวันที่ 1 กันยายนที่จะถึงนี้
ขณะที่ความคืบหน้าเกี่ยวกับการเลือกตั้งยังมีอย่างต่อเนื่องนั้น ในฟากฝั่งรัฐบาลก็มีข่าวลบกระทบความเชื่อมั่นออกมาอย่างต่อเนื่องเช่นกัน
หลังจากพี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ยังแกะตัวเองไม่หลุดจากปัญหายืมนาฬิกาเพื่อน ก็ถึงคิวพี่รองอย่าง “บิ๊กป๊อก” พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่มีเรื่องกระทบให้มัวหมองอันเนื่องมาจากการดำเนินโครงการจัดตั้งศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจรเพื่อแปรรูปผลิตพลังงาน หรือโรงไฟฟ้าขององค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น (อปท.) จำนวน 7,852 แห่ง ด้วยงบประมาณมหาศาลจำนวน 178,000 ล้านบาท ซึ่งมีข่าวว่าบุตรชายของ “บิ๊กป๊อก” เข้าไปเกี่ยวข้องในทางที่ไม่เหมาะสม
แม้ “บิ๊กป๊อก” จะออกมาชี้แจงและยืนยันหนักแน่นว่าบุตรชายไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโครงการจัดตั้งศูนย์กำจัดขยะมูลฝอยแบบครบวงจรเพื่อแปรรูปผลิตพลังงาน แต่ก็มีสื่อบางสำนักนำหลักฐานการเข้าพบข้าราชการระดับผู้ใหญ่ในจังหวัดเพื่อขอพูดคุยเกี่ยวกับโครงการนี้
จริงอยู่ว่าไม่มีใครรู้รายละเอียดของการพูดคุยว่าเป็นอย่างไร แต่การที่บุตรชายเจ้ากระทรวงมหาดไทยไปขอพูดคุยก็ย่อมถูกตั้งคำถามถึงความเหมาะสม
จริงอยู่ว่าการทำธุรกิจเป็นเรื่องส่วนบุคคล พ่อกับลูกก็เป็นคนละคนกัน และยังไม่มีหลักฐานยืนยันว่าบุตรชายของ “บิ๊กป๊อก” ได้งานโครงการในจังหวัดใด แต่เพียงการขอเข้าพูดคุยกับข้าราชการระดับพ่อเมืองย่อมถูกจับตาเป็นพิเศษในฐานะที่มีนามสกุลเดียวกับรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยซึ่งเป็นเจ้านายของพ่อเมืองโดยตรง
แม้เรื่องนี้ยังต้องรอการพิสูจน์ข้อเท็จจริงกันต่อไปว่ามีอะไรไม่โปร่งใสหรือไม่ แต่เมื่อเป็นประเด็นขึ้นมาแล้วย่อมส่งผลกระทบต่อภาพลักษณ์ของรัฐบาลเป็นธรรมดา และแน่นอนว่าย่อมกระทบไปถึง “บิ๊กตู่” ถือเป็นอุปสรรคใหม่ที่เพิ่มเข้ามาหากยังคิดกลับมาเป็นนายกรัฐมนตรีหลังเลือกตั้ง
You must be logged in to post a comment Login