วันพุธที่ 17 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

30ประเทศร่วมแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ในการประชุมAPDT

On August 28, 2018

การประชุมและนิทรรศการ “IADC/SPE Asia Pacific Drilling Technology หรือ APDTครั้งที่ 12 ซึ่งเป็นการประชุมเกี่ยวกับเทคโนโลยีการเจาะสำรวจปิโตรเลียมของเอเชียแปซิฟิคภายใต้แนวคิด “Reshaping for a Smart and Sustainable Future”เริ่มขึ้นแล้วอย่างเป็นทางการในวันนี้ โดยบริษัท ปตท.สำรวจและผลิตปิโตรเลียม จำกัด (มหาชน) หรือ ปตท.สผ. เป็นเจ้าภาพจัดงาน คาดว่าจะมีผู้เข้าร่วมงานจากอุตสาหกรรมสำรวจและผลิตปิโตรเลียมกว่า 1,000 คน จากกว่า 30 ประเทศ มาร่วมแลกเปลี่ยนมุมมองใหม่ๆ ประสบการณ์ และเทคโนโลยีเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดต้นทุนการเจาะสำรวจปิโตรเลียม

นายสมพร ว่องวุฒิพรชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ปตท.สผ. ในฐานะประธานการจัดการประชุม APDT เปิดเผยว่า จากการที่อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซธรรมชาติได้เผชิญกับความท้าทายเกี่ยวกับความผันผวนของราคาน้ำมันในช่วงที่ผ่านมา รวมถึงการเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากเทคโนโลยีดิจิทัล(Digitalization) ในปัจจุบัน ส่งผลให้อุตสาหกรรมน้ำมันและก๊าซฯ ต้องปรับตัวเพื่อก้าวไปข้างหน้าด้วยการแสวงหากระบวนการใหม่ ๆ เทคโนโลยีล้ำสมัย สร้างเครื่องมือและระบบต่างๆ เพื่อช่วยลดต้นทุนและเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน

“การประชุม APDT ที่ประเทศไทยครั้งนี้ ถือเป็นเวทีที่สำคัญที่ทำให้บุคลากรในอุตสาหกรรมมีโอกาสแลกเปลี่ยนวิสัยทัศน์ มุมมองใหม่ ๆ รวมทั้ง ความก้าวหน้าของเทคโนโลยีการเจาะสำรวจปิโตรเลียม เนื่องจากการเจาะสำรวจแหล่งน้ำมันดิบและก๊าซธรรมชาติเป็นขั้นตอนที่สำคัญของธุรกิจสำรวจและผลิตปิโตรเลียม เพราะเป็นวิธีเดียวที่จะพิสูจน์ว่ามีแหล่งน้ำมันหรือก๊าซฯ หรือไม่ และเป็นขั้นตอนที่ใช้เงินลงทุนสูง ดังนั้นการเพิ่มประสิทธิภาพการเจาะสำรวจโดยการนำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยจึงเป็นสิ่งที่อุตสาหกรรมปิโตรเลียมให้ความสำคัญที่จะช่วยให้การดำเนินงานของแต่ละบริษัทบรรลุเป้าหมาย” นายสมพร กล่าว

ปตท.สผ. ได้มีการพัฒนาเทคโนโลยีด้านการเจาะสำรวจในอ่าวไทยและพื้นที่ต่าง ๆซึ่งมีทั้งการออกแบบหลุมให้มีขนาดเล็กกว่าหลุมแบบมาตรฐานโดยทั่วไป ทำให้เจาะได้เร็วด้วยต้นทุนที่ลดลง แต่คงไว้ซึ่งประสิทธิภาพและความปลอดภัยในการผลิตก๊าซธรรมชาติ โดยเรียกหลุมผลิตแบบนี้ว่า Slimholemonobore completion ซึ่งเป็นเทคโนโลยีที่ใช้กันแพร่หลายเป็นมาตรฐานในอ่าวไทย นอกจากนี้ยังมีเทคโนโลยีที่ช่วยให้เจาะสำรวจได้ระยะไกลขึ้น เพื่อเพิ่มโอกาสในการค้นพบปิโตรเลียมให้มากขึ้น รวมถึงยังมีการพัฒนาเทคโนโลยีที่ช่วยให้อุปกรณ์ในการเจาะสำรวจมีความแข็งแกร่งทนทานมากขึ้น เนื่องจากในอ่าวไทยมีคุณลักษณะเฉพาะคือมีความร้อนใต้พื้นดินสูง จึงต้องใช้อุปกรณ์การเจาะสำรวจที่มีความทนความร้อนมากกว่าอุปกรณ์ปกติ เพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและความสำเร็จในการเจาะสำรวจปิโตรเลียม

การประชุม APDT ครั้งที่ 12 นี้ มีการนำเสนอบทความทางวิชาการเกี่ยวกับการเจาะสำรวจมากกว่า90 หัวข้อ จาก 22ประเทศมีการอภิปรายด้านการขยายความร่วมมือทางธุรกิจ อนาคตของแท่นเจาะน้ำมัน และเทคโนโลยีใหม่ ๆ ที่จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานในช่วงที่อุตสาหกรรมกำลังเข้าสู่ยุคดิจิตอล โดย ปตท.สผ. ได้ส่งบทความทางวิชาการนำเสนอในงาน8 หัวข้อ เช่น งานวิจัยที่เกี่ยวกับการปรับปรุงประสิทธิภาพการเจาะในโครงการซอติก้า และการเพิ่มประสิทธิและลดต้นทุนการเจาะในโครงการเอส1 เป็นต้น

นอกจากนี้ ยังมีการจัดแสดงนิทรรศการจากเกือบ30 บริษัท โดย ปตท.สผ. ร่วมแสดงนิทรรศการภายใต้แนวคิด “ความภาคภูมิใจของประเทศไทย” (Pride of Thailand)นำเสนอความสำคัญของแหล่งน้ำมันดิบสิริกิติ์แหล่งบงกช และแหล่งอาทิตย์ ซึ่งเป็นแหล่งน้ำมันและก๊าซธรรมชาติหลักของประเทศไทย รวมทั้ง ได้นำเทคโนโลยีที่ ปตท.สผ. คิดค้นขึ้น โดยร่วมกับสถาบันต่าง ๆ ในการพัฒนา เช่น หุ่นยนต์ใต้น้ำอัตโนมัติไร้สาย(Autonomous Underwater Vehicles หรือ AUV)ที่สามารถปฏิบัติภารกิจตรวจสอบอุปกรณ์การผลิตใต้ทะเลทั้งโครงสร้างของฐานผลิตปิโตรเลียมและท่อส่งก๊าซธรรมชาติใต้ท้องทะเลลึกและหุ่นยนต์ตรวจสอบภายในท่อ (In-pipe Inspection Robot) ซึ่งเป็นหุ่นยนต์ขนาดเล็กที่ใช้สำหรับตรวจสอบภายในท่อปิโตรเลียม และ “โดรน MPIO”(Multipurpose Plant Inspection Octocopter) ที่ติดตั้งกล้องซูม 30 เท่าทำให้สามารถตรวจสอบอุปกรณ์บนที่สูงได้อย่างมีประสิทธิภาพ

เทคโนโลยีต่าง ๆ เหล่านี้ นอกจากจะมีความคล่องตัวสูง และช่วยลดต้นทุนในการดำเนินงานแล้วยังเพิ่มความปลอดภัยให้กับผู้ปฏิบัติงาน และสนับสนุนการดำเนินการสำรวจและผลิตปิโตรเลียมของ ปตท.สผ. ในการสร้างความมั่นคงด้านพลังงานให้กับประเทศอีกด้วย


You must be logged in to post a comment Login