วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

‘ทรัมป์’ขู่ถอนตัวดับเบิลยูทีโอ

On September 3, 2018

ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐ กล่าวว่า สหรัฐจะถอนตัวออกจากสมาชิกองค์การการค้าโลก (ดับเบิลยูทีโอ) หากยังไม่มีการปรับปรุงองค์กรเสียใหม่ ซึ่งหากสหรัฐถอนตัวจริงจะเป็นการทำลายรากฐานสำคัญอันหนึ่งของระบบการค้าของโลกที่สหรัฐมีส่วนร่วมในการก่อตั้งขึ้น ก่อนหน้านี้ผู้นำสหรัฐกล่าวว่า สหรัฐได้รับการปฏิบัติอย่างไม่เป็นธรรมในเวทีการค้าโลก และดับเบิลยูทีโอเป็นตัวการที่ทำให้เกิดการปฏิบัติที่ไม่เป็นธรรมนี้ ผู้นำสหรัฐยังกล่าวเตือนด้วยว่าจะดำเนินการกับดับเบิลยูทีโอ แต่ไม่ได้เปิดเผยว่าจะดำเนินการอย่างไร สำหรับดับเบิลยูทีโอก่อตั้งขึ้นเพื่อกำหนดกฎเกณฑ์สำหรับการค้าในโลก และแก้ปัญหาข้อพิพาททางการค้าระหว่างประเทศ

นอกจากนี้ประธานาธิบดีทรัมป์ยังเปิดศึกรอบใหม่กับซีเอ็นเอ็นด้วยการกล่าวว่า นายเจฟฟ์ ซุกเคอร์ ประธานสถานีโทรทัศน์ข่าวรายใหญ่ของสหรัฐแห่งนี้ ควรถูกไล่ออก เพราะเสนอข้อมูลมุ่งสร้างความเกลียดชังและมีอคติต่อตัวเขา เพื่อรักษาภาพลักษณ์ของซีเอ็นเอ็น

ขณะที่ทั้งเอทีแอนด์ทีและซีเอ็นเอ็นซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับประธานาธิบดีทรัมป์มานานยังสงวนท่าทีต่อคำกล่าวของผู้นำสหรัฐในประเด็นนี้ แต่ฝ่ายสื่อสารองค์กรของซีเอ็นเอ็นออกแถลงการณ์ว่า สถิติผู้ชมประจำเดือนสิงหาคมปีนี้อยู่ที่ 707,000 คน นับเป็นเรทติ้งผู้ชมสูงที่สุดเป็นประวัติการณ์เป็นอันดับ 2 นอกจากนี้ซีเอ็นเอ็นยังกล่าวปกป้องนายคาร์ล เบิร์นสไตน์ สื่อมวลชนอาวุโส ซึ่งเคยเสนอรายงานสืบสวนเชิงลึกผ่านทางสถานีอ้างข้อมูลจากนายไมเคิล โคเฮน อดีตที่ปรึกษาทางกฎหมายส่วนตัวของผู้นำสหรัฐว่า ผู้นำสหรัฐทราบล่วงหน้าเกี่ยวกับการพบปะกับชาวรัสเซียกลุ่มหนึ่งเมื่อเดือนมิถุนายน 2559 ว่าเกิดขึ้นเพื่อแบ่งปันข้อมูลสกปรกเกี่ยวกับนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งของเขาในการเลือกตั้งประธานาธิบดี

ซีเอ็นเอ็นยืนกรานว่าข้อมูลดังกล่าวเป็นความจริงหลังประธานาธิบดีทรัมป์ทวีตข้อความว่านายเบิร์นสไตน์กุเรื่องทั้งหมด ทั้งนี้ นายเบิร์นสไตน์วัย 74 ปี เป็นอดีตผู้สื่อข่าวของเดอะ วอชิงตัน โพสต์ เป็นที่รู้จักและได้รับการยกย่องอย่างมากในวงการสื่อสารมวลชนของสหรัฐจากการร่วมทีมกับนายบ็อบ วู้ดวาร์ด ผู้สื่อข่าวอีกคนหนึ่ง เสนอรายงานเชิงลึกเกี่ยวกับการจารกรรมข้อมูลภายในสำนักงานใหญ่ของพรรคเดโมแครตที่อาคารวอเตอร์เกตในกรุงวอชิงตันเมื่อปี 2515 และนำไปสู่การลาออกจากตำแหน่งของประธานาธิบดีริชาร์ด นิกสัน เมื่อปี 2517


You must be logged in to post a comment Login