วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ปล่อยให้ชะล่าใจ

On September 5, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การเมืองที่เริ่มต้นก็เล่นกันแรงถึงขั้นยื่นสอบยุบพรรคจากข้อกล่าวหาซื้อเสียงล่วงหน้า ทำให้พอมองเห็นความดุเดือดเข้มข้นที่จะเกิดขึ้นหลัง คสช. ปลดล็อกทางการเมือง ซึ่งพรรคที่ไม่ควรชะล่าใจคือพรรคเพื่อไทย มีการปล่อยข่าวออกมาเป็นระยะๆเพื่อปูทางให้เห็นว่าถูกคนนอกพรรคอย่างอดีตนายกฯตระกูลชินวัตรแทรกแซงกิจการภายใน ถ้าหัวหน้าพรรคคนใหม่เป็นคนในลิสต์รายชื่อที่ถูกปล่อยข่าวออกมา ทุกครั้งที่แกนนำพรรคไปพบอดีตนายกฯ ทุกคำพูด ทุกความเคลื่อนไหวที่ถูกมอนิเตอร์ไว้อาจถูกยกมาใช้เป็นหลักฐานยื่นสอบยุบพรรคได้ ถ้าจำกันได้เคยมีคนในกลุ่มอำนาจปัจจุบันพูดทำนองว่าการเคลื่อนไหวของแกนนำ อดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยที่เกี่ยวโยงกับอดีตนายกฯตระกูลชินวัตรวันนี้อาจไม่มีปัญหา แต่วันหน้าอาจมีปัญหาเกิดขึ้นได้

ความชัดเจนทางการเมืองเกิดขึ้นอีกหนึ่งเรื่องแล้วคือ การเลือกตั้งสมาชิกและผู้บริหารองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่จะถูกเลื่อนออกไปหลังการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่จะเกิดขึ้นช่วงต้นปีหน้า

ทั้งนี้เพราะกฎหมายเกี่ยวกับการเลือกตั้งท้องถิ่นไม่สามารถทำได้เสร็จตามกำหนด ที่ตั้งใจว่าจะใช้สนามการเมืองสนามเล็กเป็นที่ฝึกปรือฝีมือ ใช้เป็นสนามทดสอบคะแนนนิยมก่อนเลือกตั้งสนามใหญ่ กลายเป็นไม่มีแมตช์ให้อุ่นเครื่อง ต้องลงเล่นสนามใหญ่เลยต้นปีหน้า

พรรคการเมืองเก่าคงไม่มีปัญหา เพราะผ่านการแข่งขันมาอย่างโชกโชน รู้แทคติกดีว่าต้องเล่นอย่างไรจึงจะไปถึงเป้าหมายที่ต้องการ หรืออย่างน้อยไปให้ถึงเป้าหมายได้ใกล้ที่สุด แต่พรรคการเมืองน้องใหม่อาจต้องออกแรงเหนื่อยกว่า แม้บางพรรคจะกวาดต้อนผู้เล่นหน้าเก่าจากพรรคอื่นมาลงสนามได้ก็ตาม

ด้านการเลือกตั้งสนามใหญ่แม้กำหนดวันเลือกตั้ง 24 กุมภาพันธ์ปีหน้ายังเป็นแค่ตุ๊กตา และคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่ปลดล็อกทางการเมือง แต่การต่อสู้ก็เริ่มเข้มข้นมากขึ้นตามลำดับ

ที่สำคัญแค่เริ่มต้นก็เล่นกันแรงถึงขั้นจะยุบพรรคกันแล้ว

มีการเปิดเผยจากพรรคเพื่อไทยว่า มีคนไปเรียกเก็บบัตรประชาชนในพื้นที่จังหวัดนครราชสีมาแลกกับเงิน 100-200 บาท เพื่อเอามาใช้สมัครเป็นสมาชิกพรรคการเมือง เข้าข่ายเป็นการซื้อเสียงล่วงหน้า

ทีแรกเป้าหมายเล็งไปที่พรรคการเมืองน้องใหม่ เพราะต้องเร่งหาสมาชิกพรรคให้ได้ตามจำนวนที่กฎหมายกำหนด แต่ไปๆมาๆหวยกลับไปออกที่พรรคเก่าอย่างพรรคภูมิใจไทย ซึ่งโทษร้ายแรงถึงขั้นยุบพรรค

ขณะนี้มีคนไปร้องให้คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ตรวจสอบเพื่อเอาผิดแล้ว ซึ่งในฝั่งพรรคภูมิใจไทยจะจำนนด้วยหลักฐานหรืออย่างไรไม่ทราบ ออกมายอมรับว่ามีเรื่องดังกล่าวเกิดขึ้นจริง แต่อ้างว่าคนที่ทำเป็นแค่ผู้เสนอตัวขอลงสมัคร ส.ส. ในนามพรรคเท่านั้น ไม่ได้เป็นสมาชิกพรรค และพรรคก็ยังไม่ได้เคาะว่าจะส่งลงสมัคร ส.ส. ตามที่เสนอตัวมาหรือไม่

สรุปคือเป็นการกระทำส่วนตัว พรรคไม่รู้ไม่เห็นต่อการกระทำที่สุ่มเสี่ยงดังกล่าว

กรณีของพรรคภูมิใจไทยเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นแล้ว และเริ่มกระบวนการสอบสวนเอาผิดกันแล้ว

แต่ที่กำลังปูทางเพื่อให้ไปสู่การยุบอีกพรรคคงไม่พ้นพรรคเพื่อไทย

ใครที่ติดตามการเมืองจะเห็นว่ามีการปล่อยข่าวเรื่องผู้ที่จะเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่ออกมาเป็นระยะ และถ้าสังเกตดีๆข่าวผู้ที่จะมาเป็นผู้นำพรรคเพื่อไทยคนใหม่มักมีความเกี่ยวพันกับตระกูลชินวัตร และมักมีข่าวออกมาหลังจากที่มีแกนนำพรรคเพื่อไทยเดินทางไปพบ ดร.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ในต่างประเทศ

ที่สำคัญหากจำกันได้มีคนในกลุ่มอำนาจปัจจุบันเคยออกมาพูดในทำนองว่าการเคลื่อนไหวต่างๆของแกนนำพรรคเพื่อไทยที่มีความเกี่ยวโยงกับอดีตนายกฯตระกูลชินวัตรทั้ง 2 คน วันนี้อาจไม่มีปัญหา แต่วันหน้าอาจมีปัญหาเกิดขึ้นมาได้

เป็นที่รู้กันว่ากฎหมายใหม่ห้ามคนนอกพรรคเข้ามาแทรกแซงกิจการภายในพรรค โดยเฉพาะอย่างยิ่งคนที่ถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง หากมีกรณีนี้เกิดขึ้นมีโทษสถานเดียวคือยุบพรรค

เชื่อว่าทุกคำพูดของ 2 อดีตนายกฯ ทุกคำพูดของแกนนำพรรคเพื่อไทยหรือสมาชิกพรรคที่เดินทางไปพบอดีตนายกฯ ถูกบันทึกไว้หมดแล้วอย่างละเอียด หากจำเป็นต้องใช้ไม้ตายยุบพรรค ทุกคำพูดทุกการเคลื่อนไหวจะถูกงัดออกมาเป็นหลักฐานแน่นอน

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากหัวหน้าพรรคเพื่อไทยคนใหม่เป็นคนที่อยู่ในลิสต์รายชื่อที่ถูกปล่อยข่าวออกมาก่อนหน้านี้จริง เท่ากับเปิดช่องให้ฝ่ายตรงข้ามน็อกคาเวทีได้ง่ายๆ ซึ่งการจะน็อกก่อนหรือหลังเลือกตั้งต่างกันที่ว่าต้องการผลแบบไหน


You must be logged in to post a comment Login