วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

2ทางเลือก‘บิ๊กตู่’

On September 6, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

อนาคตทางการเมืองของ “บิ๊กตู่” ยังไม่เปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ แต่ดูเหมือนว่าปริศนานี้ไม่ยากเกินไปที่ประชาชนจะคาดเดาคำตอบ ซึ่งถนนสายการเมืองมีแค่ 2 ทางให้เลือกเดิน ไม่ว่าจะเดินทางไหนล้วนมีทั้งข้อดีและข้อเสียในตัวเองที่ “บิ๊กตู่” และผู้สนับสนุนต้องพิจารณาอย่างรอบคอบว่าทางไหนจะมีโอกาสไปถึงเป้าหมายสูงสุดได้ดีกว่ากัน ที่สำคัญไม่ว่าเลือกทางไหน ไม่ว่าไปได้ถึงเป้าหมายหรือไม่ เนื้อตัวมอมแมมจากการตกเป็นเป้าโจมตีทางการเมืองทั้งก่อนและหลังเลือกตั้งแน่นอน

แม้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) จะยังแทงกั๊กเรื่องอนาคตทางการเมือง แต่ดูเหมือนว่าปริศนานี้ไม่ยากเกินไปที่ประชาชนจะคาดเดาคำตอบ หากพิจารณาจากคำให้สัมภาษณ์ล่าสุดที่บอกว่าหน้าที่บริหารบ้านเมืองไม่ใช่ของนักการเมืองแต่เพียงฝ่ายเดียว ข้าราชการที่เกษียณแล้วก็มีสิทธิ์เหมือนกัน

ยิ่งสำทับเข้ากับคำพูดของพี่ใหญ่อย่าง “บิ๊กป้อม” พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ที่ประกาศเชียร์ให้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกรัฐมนตรีต่อไปเพื่อสานต่องานที่ทำมาให้สำเร็จลุล่วง ก็ยิ่งมองเห็นคำตอบที่ยังไม่เปิดเผยออกมาอย่างเป็นทางการ

สำหรับเส้นทางเข้าสู่การเมืองของ “บิ๊กตู่” นั้นมีให้เลือกอยู่ไม่กี่ทาง

ทางแรกคือการลงสมัครรับเลือกตั้งเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ซึ่ง “บิ๊กตู่” ขาดคุณสมบัติ ไม่สามารถลงสมัคร ส.ส. ได้ เนื่องจากไม่ได้ลาออกจากตำแหน่งตามกรอบเวลาที่กฎหมายกำหนดไว้

อย่างไรก็ตาม การเข้าสู่การเมืองของ “บิ๊กตู่” คงไม่ได้มีเป้าหมายแค่การเป็น ส.ส. ธรรมดาในสภา ไม่ได้ต้องการเป็นแค่สมาชิกพรรคการเมือง หัวหน้าพรรคการเมือง หรือกรรมการบริหารพรรคการเมือง แต่ต้องการเก้าอี้ใหญ่ที่สุดของฝ่ายการเมืองคือนายกรัฐมนตรี

เส้นทางสู่เก้าอี้นายกรัฐมนตรีก็มีอยู่ 2 ทางอย่างที่รู้กันคือ

1.เอาชื่อไปใส่ไว้เป็น 1 ใน 3 คนที่พรรคการเมืองเสนอชื่อเข้าชิงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งกรณีนี้ต้องเปิดเผยความชัดเจนก่อนการเลือกตั้ง

2.ไม่เอาชื่อใส่ในบัญชีผู้เหมาะสมเป็นนายกรัฐมนตรีของพรรคการเมือง เพื่อหลีกเลี่ยงการโจมตีทางการเมืองระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง ใช้วิธีนั่งรอบัตรเชิญเป็นนายกฯคนนอกตามที่กฎหมายเปิดช่องไว้ หากเกิดกรณีสภาไม่สามารถเลือกคนจากบัญชีชื่อที่พรรคการเมืองเสนอเป็นนายกฯได้

ถ้ามองจาก 2 ทางเลือกนี้ ไม่ว่า “บิ๊กตู่” หรือผู้สนับสนุนจะเลือกแนวทางใดล้วนมีข้อดีข้อเสียที่แตกต่างกัน

หากเลือกเอาชื่อไปใส่ในบัญชีผู้เหมาะสมเป็นนายกฯของพรรคการเมือง แน่นอนว่าช่วงการหาเสียงเลือกตั้งจะตกเป็นเป้าให้นักการเมืองฝ่ายตรงข้ามโจมตีในประเด็นสืบทอดอำนาจ และหนีไม่พ้นที่จะถูกโจมตีผลงานช่วง 4 ปีที่ผ่านมาในด้านลบ ซึ่งอาจจะมีผลกระทบต่อคะแนนเสียงของพรรคการเมืองที่เอาชื่อ “บิ๊กตู่” ไปใส่ไว้ในบัญชีได้ ถือว่าทำให้เกิดความเสี่ยงที่จะไม่ได้จำนวน ส.ส. ตามเป้าที่ตั้งไว้

แต่การเลือกเอาชื่อไปใส่ไว้ในบัญชีพรรคการเมืองก็จะมีข้อดีตรงที่สามารถลุยหาเสียงเรียกคะแนนจากประชาชนได้อย่างเปิดเผย และมีความชอบธรรมที่จะได้รับเสียงโหวตในสภาให้เป็นนายกฯไม่ว่าพรรคที่สังกัดจะชนะเลือกตั้งหรือไม่

ถ้าเลือกแนวทางนั่งรอเทียบเชิญเป็นนายกฯคนนอกอาจตัดรำคาญเสียงโจมตีจากฝ่ายการเมืองในช่วงหาเสียงเลือกตั้งได้ แต่ความชอบธรรมในการก้าวมาเป็นนายกฯจะน้อยกว่าแนวทางแรกแม้กฎหมายจะเขียนเปิดช่องให้ทำได้ก็ตาม

ที่สำคัญกว่าจะเอาชื่อไปให้สภาโหวตเลือกเป็นนายกฯได้ยังต้องผ่านอีกหลายขั้นตอน แต่ละขั้นตอนก็ต้องลุ้นเหนื่อย โดยเฉพาะขั้นตอนล้มกระดานเลือกนายกฯจากบัญชีชื่อที่พรรคการเมืองเสนอเพื่อเปิดทางเสนอชื่อคนนอก

แม้เส้นทางการเมืองของ “บิ๊กตู่” ยังไม่ถูกเปิดเผย แต่คงเดาทางได้ไม่ยาก เพราะมีตัวเลือกให้เลือกเพียงแค่นี้


You must be logged in to post a comment Login