- อย่าไปอินPosted 17 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
เลิกเหนียมอาย
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
สถานการณ์การเมืองยิ่งนับถอยหลังเข้าใกล้เลือกตั้งเท่าไรยิ่งทำให้ทุกอย่างเริ่มเด่นชัดมากขึ้น โดยเฉพาะความเด่นชัดที่จะไปให้ถึงเป้าหมายของบางกลุ่ม บางคณะ เมื่อเวลาเหลือน้อยก็ยิ่งต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ขยับเข้าใกล้เป้าหมายได้มากที่สุด เมื่อต้องการขยับให้ใกล้เป้าหมายมากที่สุดจึงหมดเวลาที่จะเหนียมอาย อะไรที่จะพาตัวเองให้ไปถึงเป้าหมายต้องทำทันที โดยไม่ต้องห่วงภาพลักษณ์เหมือนที่พยายามสร้างให้ทุกคนเชื่ออย่างที่เคยมีมา
เข้มข้นและชัดเจนขึ้นเป็นลำดับสำหรับการเมืองไทย และจะยิ่งเข้มข้นชัดเจนมากไปกว่านี้เมื่อพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรประกาศในราชกิจจานุเบกษา ซึ่งน่าจะเกิดขึ้นได้ประมาณกลางสัปดาห์หน้า
ชัดเจนแน่นอนแล้วคือการช่วงชิงพรรคประชาธิปัตย์ที่มีความพยายามเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคจากนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ไปเป็นบุคคลอื่น เพื่อให้แนวทางการเมืองของพรรคเปลี่ยนแปลงไปจากจุดที่ยืนอยู่ในปัจจุบัน
การช่วงชิงพรรคในครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าจับตามองเป็นอย่างมาก เพราะอาจถึงขั้นทำให้พรรคแตกได้
ร้อนถึงคนเก่าคนแก่ของพรรคอย่างนายสัมพันธ์ ทองสมัคร อดีต ส.ส.นครศรีธรรมราชหลายสมัย ต้องเสนอทางออกให้นายอภิสิทธิ์ลาออกจากหัวหน้าพรรคแล้วเว้นวรรคการเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่ออกไปก่อน โดยให้นายชวน หลีกภัย ขึ้นมารักษาการหัวหน้าพรรคเป็นการชั่วคราว
ข้อเสนอนี้ชัดเจนว่าเป็นการป้องกันไม่ให้พรรคแตก เพราะเสนอให้นายชวนมานั่งรักษาการในตำแหน่งหัวหน้าพรรคจนกว่าจะผ่านการเลือกตั้งในช่วงต้นปีหน้า จากนั้นค่อยเลือกหัวหน้าพรรคคนใหม่
เป็นข้อเสนอที่ต้องการให้ฝ่ายที่สนับสนุนนายอภิสิทธิ์และฝ่ายที่ต้องการเปลี่ยนตัวหน้าพรรคพักรบชั่วคราวก่อน ขืนให้วัดพลังกันก่อนมีการเลือกตั้ง การแพ้ชนะในศึกชิงหัวหน้าพรรคอาจทำให้พรรคแตกได้
แน่นอนว่าหากพรรคแตกก่อนทำศึกเลือกตั้งย่อมไม่ส่งผลดีต่อพรรค เพราะจะทำให้มีอดีต ส.ส. ลงสมัครรับเลือกตั้งน้อยลง โอกาสที่จะได้ที่นั่งในสภาจำนวนมากเพื่อรักษาอำนาจต่อรองการจัดตั้งรัฐบาลก็จะลดลงตามไปด้วย
อีกความชัดเจนหนึ่งที่เกิดขึ้นแล้วคือ กรณีที่ประชุมคณะรัฐมนตรีในรัฐบาลทหาร คสช. เห็นชอบแต่งตั้งนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ อดีต ส.ส.กทม. พรรคประชาธิปัตย์ อดีตแกนนำคนสำคัญของม็อบนกหวีด ให้ดำรงตำแหน่งข้าราชการการเมืองในตำแหน่งรองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง โดยให้คำสั่งแต่งตั้งมีผลเร่งด่วนในทันที
คำสั่งแต่งตั้งอดีตแกนนำม็อบนกหวีดในครั้งนี้เป็นอีกหนึ่งจิ๊กซอว์การเมืองที่ทำให้ประชาชนเห็นอะไรชัดเจนมากขึ้น
ความชัดเจนอีกเรื่องที่มองเห็นแล้วคือ ความพยายามลงพื้นที่พบประชาชนให้ได้มากที่สุดของคนในแม่น้ำสายอำนาจปัจจุบัน
หลังคณะรัฐมนตรีขยันเดินสายประชุมนอกสถานที่มาก่อนหน้านี้ 90 วันก่อนการเลือกตั้งรัฐบาลจะจัดหลักสูตรอบรมสัมมนาระหว่างประชาชน ข้าราชการ และท้องถิ่นในทุกจังหวัด เพื่อสร้างการเรียนรู้ในพื้นที่เกี่ยวกับการบริหารงานท้องถิ่น การเลือกตั้ง และประชาธิปไตยที่ถูกต้อง
แม้ยังไม่เห็นหลักสูตรที่จะใช้อบรม แต่หากติดตามแนวคิดของนายกรัฐมนตรีที่สะท้อนผ่านคำพูดหลายกรรมหลายวาระก็คงพอจะมองเห็นว่าการเลือกตั้งที่ถูกต้อง ประชาธิปไตยที่ถูกต้องในแนวคิดของนายกฯเป็นอย่างไร ซึ่งคงไม่พ้นไปบอกให้ประชาชนเลือกคนดี อย่าเลือกเหมือนเดิม เพราะถ้าเลือกเหมือนเดิมทุกอย่างก็จะเป็นเหมือนเดิมอย่างที่เคยเป็นมา
นอกจากการจัดหลักสูตรอบรมสัมมนาข้าราชการ ประชาชน ก่อนการเลือกตั้งแล้ว อีกหนึ่งในแม่น้ำสายอำนาจอย่างประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) จะจัดโครงการสมาชิก สนช. พบประชาชน 76 จังหวัด โดยจะเอาประชาชนจังหวัดละ 8-10 คน มาคุยกับรัฐมนตรีที่เกี่ยวข้องกับ 7 กลุ่มปัญหาคือ ปัญหาที่ดิน ปัญหาแหล่งน้ำ ปัญหาด้านการเกษตร ปัญหาการคมนาคม ปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาสิ่งแวดล้อม และปัญหาสังคมด้านอื่นๆ โดยอ้างว่าเพื่อผลักดันแนวทางแก้ไขปัญหาให้เป็นนโยบายของประเทศ
แม้จะยืนยันว่าไม่ได้ทำเพื่อหาเสียงล่วงหน้า แต่เป็นแนวทางเดียวกันกับที่กลุ่มสามมิตรดำเนินการอยู่คือ พบประชาชนเพื่อรับฟังปัญหาเอามากำหนดนโยบายแก้ไข
นับเป็นอีกหนึ่งความชัดเจนในการพยายามสร้างความได้เปรียบพรรคการเมืองอื่นที่ยังขยับทำอะไรไม่ได้ เพราะติดล็อกประกาศคำสั่งของ คสช.
You must be logged in to post a comment Login