- อย่าไปอินPosted 3 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
บู๊บุ๋นอยู่ที่‘ผู้นำ’
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
หลังกฎหมายเลือกตั้ง ส.ส. และกฎหมายการได้มาซึ่ง ส.ว. ประกาศในราชกิจจานุเบกษา การเคลื่อนไหวทางการเมืองจะมีความคึกคักมากขึ้น ความน่าสนใจคงต้องโฟกัสไปที่การเลือกหัวหน้า 2 พรรคการเมืองใหญ่อย่างพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์ เพราะบุคลิกของคนที่จะได้รับเลือกเป็นผู้นำพรรคจะเป็นเครื่องบ่งชี้ว่า 2 พรรคใหญ่จะเลือกเดินหมากการเมืองทั้งช่วงก่อนและหลังเลือกตั้งอย่างไร บรรยากาศการเมืองทั้งก่อนและหลังเลือกตั้งจะเดือดมากหรือเดือดน้อย ผู้ที่จะมาเป็นผู้นำของทั้ง 2 พรรคคือคำตอบ
รัฐบาลทหาร คสช. ได้เวลานับถอยหลังลงจากอำนาจ หลังจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) 2 ฉบับสุดท้ายประกาศในราชกิจจานุเบกษาเมื่อวันที่ 12 กันยายนที่ผ่านมา
ในส่วนของ พ.ร.ป.ว่าด้วยการได้มาซึ่งสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) นั้นมีผลบังคับใช้ในทันที ทำให้ต้องเริ่มนับหนึ่งสำหรับกระบวนการสรรหาผู้ที่เหมาะสมเป็น ส.ว.ลากตั้งชุดแรก 250 คน ที่ คสช. จะแต่งตั้งก่อนลงจากอำนาจ
ประเด็นที่น่าติดตามคือ จะมีคนในแม่น้ำสายอำนาจที่เคยรับตำแหน่งกินเงินเดือนจากภาษีประชาชนมาแล้วกี่คนที่ได้นั่งเป็น ส.ว.ลากตั้งชุดแรกต่อไป
จากนี้ไปการเคลื่อนไหวเพื่อชิงเก้าอี้ ส.ว. ที่แม้จะมีมากถึง 250 ที่นั่ง แต่คงไม่เพียงพอรองรับคนอยากมีอำนาจ คงคึกคักน่าดู เพราะคงต้องมีการวิ่งเข้าหาผู้มีอำนาจกันฝุ่นตลบเพื่อชิงตั๋ว
อย่างไรก็ตาม การชิงตั๋วนั่งเก้าอี้ ส.ว. อาจไม่มีอะไรให้ต้องลุ้นกันมาก เมื่อมีกระแสข่าวออกมาก่อนหน้านี้ว่าผู้มีอำนาจได้ทำบัญชีชื่อ ส.ว. เอาไว้บ้างแล้ว ทำให้มีที่ว่างเหลือให้วิ่งชิงตั๋วกันอีกไม่มาก
สำหรับ พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร (ส.ส.) ที่ถูกสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) ยืดการบังคับใช้ไปอีก 90 วันหลังประกาศในราชกิจจานุเบกษา ในช่วง 90 วันก่อนที่กฎหมายจะมีผลบังคับใช้ในวันที่ 10 ธันวาคมที่จะถึงนี้เพื่อเริ่มนับถอยหลังจัดเลือกตั้งภายใน 150 วัน ประเด็นที่ต้องติดตามคือการแบ่งเขตเลือกตั้งของคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ว่าจะมีหน้าตาออกมาอย่างไร
การเลือกตั้งครั้งนี้เขตเลือกตั้งจะถูกขยายให้กว้างมากขึ้น เพราะ ส.ส.เขตถูกลดจำนวนลง ทำให้การแข่งขันในพื้นที่มีมากขึ้น เปรียบเหมือนการเล่นฟุตบอล เมื่อสนามถูกขยายให้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมก็ต้องเหนื่อยออกแรงวิ่งมากขึ้นเป็นเงาตามตัวหากหวังจะพาตัวเองเข้ามานั่งในสภาให้ได้
สำหรับการคลายล็อกคำสั่ง คสช. ให้พรรคการเมืองสามารถทำกิจกรรมบางอย่างได้โดยไม่ต้องขออนุญาตจาก คสช. ก่อนนั้น จากคำบอกเล่าของนายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นมือกฎหมายของรัฐบาล ยืนยันว่าคำสั่งคลายล็อกเขียนเสร็จเรียบร้อยแล้ว เหลือเพียงรอประกาศใช้ ซึ่งคาดว่าจะประกาศได้ในเร็วๆนี้
ความเคลื่อนไหวแรกที่จะสร้างบรรยากาศสู่การเลือกตั้งไปส่องที่การประชุมร่วมกันระหว่างตัวแทนพรรคการเมืองกับ กกต. ที่จะมีขึ้นในวันที่ 28 กันยายนนี้ ซึ่งจะเป็นการประชุมเพื่อทำความเข้าใจเกี่ยวกับแนวทางปฏิบัติต่างๆ และอาจจะขอความเห็นพรรคการเมืองเกี่ยวกับการแบ่งเขตเลือกตั้ง
หลังเสร็จสิ้นการประชุมร่วมกับ กกต. “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้า คสช. จะเชิญตัวแทนพรรคการเมืองมาพูดคุย ซึ่งยังไม่ทราบว่า “บิ๊กตู่” จะพูดอะไรกับตัวแทนพรรคการเมืองบ้าง
ส่วนความเคลื่อนไหวที่จะเป็นไฮไลท์หลังการปลดล็อกทางการเมืองอยากให้จับตาดูที่การประชุมใหญ่เพื่อเลือกหัวหน้าพรรคของ 2 พรรคการเมืองใหญ่ที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันตลอดคือ พรรคเพื่อไทยกับพรรคประชาธิปัตย์
หากอยากรู้ว่าพรรคเพื่อไทยและพรรคประชาธิปัตย์จะมีอนาคตอย่างไร จะเลือกเดินแนวทางไหนทั้งก่อนและหลังเลือกตั้ง บุคลิกของคนที่ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าพรรคจะทำให้ประชาชนสามารถรู้ทิศทางของทั้ง 2 พรรคการเมืองที่จะมีบทบาทสำคัญต่อการจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งได้
บรรยากาศการเมืองทั้งก่อนและหลังเลือกตั้งจะเดือดมากหรือเดือดน้อย ผู้ที่จะมาเป็นผู้นำของทั้ง 2 พรรคคือคำตอบ
You must be logged in to post a comment Login