- อย่าไปอินPosted 2 days ago
- ปีดับคนดังPosted 3 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 4 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 6 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 6 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 2 weeks ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
ตื่นจากภวังค์
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
ผลสำรวจของสื่อสำนักต่างๆที่ออกมาในทิศทางเดียวกันว่าเกิน 80% ของผู้ตอบแบบสอบถามไม่เอา “บิ๊กตู่” นั่งนายกฯต่อหลังเลือกตั้ง ซึ่งสวนทางกับผลสำรวจของสำนักโพลชื่อดังก่อนหน้านี้ อาจเป็นหนึ่งในปัจจัยที่ฉุดให้การเดินหน้าของกลุ่มสามมิตรไม่ราบรื่น เพราะจนถึงตอนนี้การพูดคุยกับผู้ประสานงานจากฝ่ายคุมอำนาจก็ยังไม่ลงตัว กระทบแผนที่จะเปิดตัวร่วมกับพรรคพลังประชารัฐสุดสัปดาห์นี้ที่ต้องเลื่อนออกไปก่อน ยิ่งเมื่อมองอย่างยอมรับความจริงถึงผลการเลือกตั้งที่ทุกฝ่ายเห็นตรงกันว่าพรรคเพื่อไทยมาแน่ ยิ่งมองเห็นอุปสรรคที่กีดขวางไม่ให้ได้อำนาจรัฐมาถือครองได้ง่ายหลังเลือกตั้ง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อพิจารณาจากประโยคที่ว่า “เลือกตั้งเสร็จพวกนี้ก็หมดอำนาจ” หรือ “เป็นรัฐบาลก็บริหารไม่ได้” เป็นหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้อดีต ส.ส. หลายคนตื่นจากภวังค์มาคิดทบทวนอนาคตตัวเองใหม่ ฉุดให้กลุ่มสามมิตรพุ่งสู่เป้าหมายได้ไม่เต็มที่อย่างที่คาดการณ์ไว้
ไม่รู้ว่าจะทำให้กองเชียร์เสียขวัญบ้างหรือเปล่ากับโพลสำรวจความเห็นประชาชนของบรรดาสื่อหลายสำนักที่ทำผ่านหน้าแฟนเพจเฟซบุ๊คของตัวเองที่สวนทางกับผลสำรวจของสำนักโพลชื่อดังที่เปิดเผยมาก่อนหน้านี้ว่าเสียงส่วนใหญ่ต้องการให้ “บิ๊กตู่” พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นั่งเก้าอี้นายกรัฐมนตรีต่อหลังการเลือกตั้ง
ผลสำรวจของสื่อหลายสำนักได้ผลที่แตกต่างออกไป เพราะออกมาในทิศทางเดียวกันว่าเกิน 80% ของผู้เข้ามาตอบไม่เอา “บิ๊กตู่” ที่สำคัญคนที่เข้ามาตอบโพลของสื่อเป็นหลักแสนคน มากกว่าคนที่ตอบโพลของสำนักโพลดังที่สำรวจกันแค่หลักพันคน
จะด้วยเหตุนี้หรือเปล่าที่ทำให้แกนนำกลุ่มสามมิตรอย่างนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายอนุชา นาคาศัย ต้องเลื่อนประชุมตัดสินอนาคตของกลุ่มว่าจะเข้าสังกัดพรรคการเมืองใดออกไปก่อน จากเดิมที่จะชี้ชะตากันภายในสัปดาห์นี้
เท่ากับว่าการประชุมใหญ่ของพรรคพลังประชารัฐที่จะมีขึ้นในวันที่ 29 กันยายนนี้ ถ้ากลุ่มสามมิตรไม่ไปปรากฏตัวร่วมเป็นสมาชิกพรรคจะช่วยตอกย้ำว่าการคุยกันระหว่างแกนนำกลุ่มสามมิตรกับผู้ประสานงานจากรัฐบาลทหาร คสช. ยังไม่เรียบร้อยลงตัวเหมือนที่คนในกลุ่มสามมิตรออกมาเปรยไว้ก่อนหน้านี้
นี่ขนาด “บิ๊กตู่” ยอมแบกรับเสียงวิจารณ์ด้วยการประกาศสนใจงานการเมือง พร้อมเปิดไฟเขียวเต็มที่ให้รัฐมนตรีที่มีชื่อเป็นผู้ประสานงานกับกลุ่มสามมิตรไปทำงานการเมืองได้โดยไม่ต้องสละเก้าอี้เสนาบดีแต่ก็ยังมีเรื่องติดขัดอยู่ แสดงให้เห็นว่าสิ่งที่ทำให้ยังร้องเพลงไม่เข้าคีย์กันเป็นปมเงื่อนที่สำคัญพอดู
นอกจากเงื่อนปมที่ยังเคลียร์กันไม่ลงตัวระหว่างแกนนำกลุ่มสามมิตรกับทีมประสานงานจากรัฐบาลทหาร คสช. การคาดเดาผลเลือกตั้งก็น่าจะมีผลต่อการตัดสินใจของอดีต ส.ส. อีกหลายคนที่ยังลังเลอยู่ว่าจะย้ายข้างมาเป็นกำลังเสริมให้กลุ่มสามมิตรหรือไม่
แม้การเคลื่อนไหวที่ผ่านมาจะคึกคัก แต่เมื่อใกล้ถึงเวลาต้องตัดสินใจหลายคนต้องคิดหนัก เพราะการเมืองจะคิดแค่วันนี้พรุ่งนี้ไม่ได้ ต้องคิดเผื่อไปถึงอนาคตข้างหน้าด้วย
ขณะนี้หลายฝ่ายเห็นตรงกันแบบยอมรับความจริงว่าพรรคเพื่อไทยจะชนะเลือกตั้งค่อนข้างแน่ ทำให้อดีต ส.ส. ต้องการความมั่นใจว่าเลือกข้างไม่ผิด หากย้ายขั้วแล้วต้องได้เป็นรัฐบาล
หากมองจากมือปั้นนายกรัฐมนตรีอย่างนายเสนาะ เทียนทอง ประธานที่ปรึกษาพรรคเพื่อไทย ที่คร่ำหวอดในวงการเมืองมากว่า 46 ปี ที่พูดในที่ประชุมพรรควันที่ 26 กันยายนที่ผ่านมา น่าจะสะกิดใจอดีต ส.ส. หลายคนที่ยังลังเลอยู่พอสมควร
“ถึงอย่างไรพรรคเพื่อไทยก็เป็นที่ 1 รับรองได้เลย เป็นที่ 1 ห่างด้วย ภาคเหนือก็มั่นคง ภาคอีสานไม่ต้องห่วง ภาคกลางก็ไม่แพ้ใคร ภาคใต้กำลังแก้ปัญหา มั่นใจคราวนี้ไม่น้อยหน้า คาดว่าจะได้ 10 คนขึ้นไป
เราอยู่ด้วยกันต้องจริงใจ อย่าไปมองว่าเขากำลังคึกคัก ผมยืนยันได้ว่าแพ้เราขาด ไม่มีทางเทียบกันได้ ส่วนพรรคเก่าอย่างพรรคประชาธิปัตย์ไม่รู้ว่ากำลังเล่นอะไรกันเรื่องหัวหน้าพรรค ยื้อกันไปมา แต่ถ้าผมมองด้วยสายตาคิดว่าต่ำกว่า 100 แต่ของเรา 200 คนขึ้นไป ส่วนคนที่ถูกบีบอย่าไปหวั่นไหว เลือกตั้งเสร็จพวกนี้ก็หมดอำนาจ แค่เอามาบีบตอนนี้เท่านั้น ส่วน ส.ว. 250 คน ไม่ได้ทำให้เขาเป็นนายกฯได้ หรือต่อให้เป็นนายกฯได้ก็บริหารประเทศไม่ได้ ท้ายที่สุดก็มีอันเป็นไป”
สิ่งที่นายเสนาะตั้งใจสื่อถึงบรรดาอดีต ส.ส. คือ ถ้าย้ายไปแล้วแพ้ขาด ที่หวังจะได้เป็นรัฐบาลแน่ๆคงไม่ง่าย การรวบรวมเสียงตั้งรัฐบาลมีปัญหาแน่ ยิ่งถ้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่เปลี่ยนหัวยิ่งทำให้มีอุปสรรค หรือถึงเป็นนายกฯได้ก็บริหารไม่ได้ ไม่มีความมั่นคง อยู่ได้ไม่นาน
ที่เป็นไฮไลท์คือ “เลือกตั้งเสร็จพวกนี้ก็หมดอำนาจ”
นี่อาจเป็นอีกหนึ่งในหลายปัจจัยที่ทำให้อดีต ส.ส. หลายคนตื่นจากภวังค์ ส่งผลให้กลุ่มสามมิตรซิ่งได้ไม่เต็มที่ ไม่เร็วไม่แรงอย่างที่คาดการณ์ไว้
You must be logged in to post a comment Login