วันศุกร์ที่ 29 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ปตท.จับมือสานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม-คาเฟ่อเมซอน ขยายพื้นที่โครงการจัดหาเมล็ดกาแฟจากชุมชน

On September 27, 2018

นายกฤษณ์ อิ่มแสง รองกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารองค์กรและความยั่งยืนบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน)พร้อมด้วยนายชฎิล ชวนะลิขิกรผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการใหญ่บริหารความยั่งยืนบริษัท ปตท. จำกัด (มหาชน) นางสาวนิตยา ธำรงราชนิติ ผู้จัดการฝ่ายธุรกิจคาเฟ่อเมซอนบริษัท ปตท. น้ำมันและการค้าปลีก จำกัด (มหาชน)นางอัจฉริยา เจริญศักดิ์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัดว่าที่ร้อยตรี กรกฎ ประเสริฐวงศ์นายอำเภอแม่ฟ้าหลวงนายธนพงศ์ชัยวิชญ์ ศรีเจริญ และ นายกิติ จุ่งดิลก ผู้ประสานงาน โครงการสถานีพัฒนาการเกษตรที่สูงตามพระราชดำริฯร่วมพิธีลงนามบันทึกข้อตกลงความร่วมมือ“การซื้อขายเมล็ดกาแฟกะลาภายใต้กระบวนการปลูกและการผลิตกาแฟระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติ” ส่วนขยายไปยังพื้นที่ใหม่ จังหวัดเชียงราย

นายกฤษณ์เปิดเผยว่า กลุ่ม ปตท. ตระหนักถึงพลังของการดำเนินงานธุรกิจเพื่อสังคม (Social Enterprise, SE) ที่นำความรู้ ความสามารถ รวมถึงทรัพยากรต่างๆ ของกลุ่ม ปตท.มาใช้ในการแก้ไขปัญหาสังคม ชุมชน และสิ่งแวดล้อมโดยผลกำไรไม่ได้คืนผู้ถือหุ้นของบริษัทฯ แต่จะนำไปใช้ในการขยายกิจการซึ่งจะก่อให้เกิดการช่วยเหลือและการพัฒนาอย่างยั่งยืนนอกจากนี้ ยังส่งเสริมให้เกิดสังคมแห่งการเกื้อกูล ด้วยการจัดตั้ง บริษัท สานพลัง วิสาหกิจเพื่อสังคม จำกัด ขึ้นเพื่อดำเนินงานด้านนี้ให้กับกลุ่ม ปตท.

Community Coffee Sourcing เป็นอีกหนึ่งในโครงการวิสาหกิจชุมชนของ บริษัท สานพลังฯ ที่สร้างคุณค่าให้สังคม ด้วยการส่งเสริมกระบวนการปลูกและการผลิตกาแฟที่มีคุณภาพ ภายใต้ระบบอนุรักษ์ทรัพยากรธรรมชาติส่งเสริมการรวมกลุ่มของเกษตรกรให้เกิดความเข้มแข็งแบ่งปันความรู้ภายในชุมชนและรับซื้อเมล็ดกาแฟกะลาของชุมชมในระบบราคาที่เป็นธรรม (Fair Trade) เพื่อสร้างรายได้ และความเป็นอยู่ที่ดีขึ้นโดยบริษัทสานพลังฯ จะนำเมล็ดกาแฟกะลามาแปรรูปเป็นกาแฟสารและส่งเป็นวัตถุดิบให้ที่โรงคั่วกาแฟของคาเฟ่อเมซอน โครงการฯ ดังกล่าว ได้เริ่มดำเนินการมาตั้งแต่เดือนกันยายน 2560 ซึ่งได้รับผลตอบรับที่ดีจาก 2 ชุมชนแรกที่เข้าร่วมโครงการฯจึงนำมาสู่การขยายพื้นที่ และลงนามข้อตกลงความร่วมมือในวันนี้ เพื่อสร้างประโยชน์ต่อสังคม ชุมชน ในวงกว้างมากขึ้น

นางสาวนิตยากล่าวเพิ่มเติมว่า จากความสำเร็จของร้านคาเฟ่อเมซอน ที่มีมากกว่า 2,300 สาขาทั่วประเทศ มีความต้องการเมล็ดกาแฟสารซึ่งเป็นวัตถุดิบมากกว่า 3,000 ตัน ต่อปี และมีความต้องการเพิ่มขึ้นเฉลี่ยต่อปีร้อยละ 20ในวันนี้ จึงสามารถเป็นช่องทางรับซื้อเมล็ดกาแฟที่แน่นอนให้กับชุมชนที่เข้าร่วมโครงการฯ รวมถึง การนำองค์ความรู้ของคาเฟ่อเมซอน มาถ่ายทอดสู่ชุมชน เพื่อนำไปสู่การพัฒนาตนเองของชุมชน และเติบโตไปด้วยกันซึ่งนับเป็นการร่วมสร้างประโยชน์แก่สังคม ชุมชน สิ่งแวดล้อม ตามแนวทางการพัฒนาอย่างยั่งยืนในรูปแบบวิสาหกิจเพื่อสังคม

ปัจจุบัน มีชุมชนที่เข้าร่วมโครงการฯ แล้วจำนวน 10 ชุมชน ได้แก่ ชุมชนแรกเริ่มที่เข้าร่วมโครงการ ในปี 2560 จำนวน 2 ชุมชน ได้แก่วิสาหกิจชุมชนกาแฟปางขอน และ วิสาหกิจชุมชนกาแฟอาข่าปางขอนในตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย และชุมชนจากการขยายพื้นที่โครงการในปี 2561 อีกจำนวน 8 ชุมชน ประกอบด้วย 4 ชุมชน ในตำบลแม่สลอง อำเภอแม่ฟ้าหลวง จังหวัดเชียงราย ได้แก่ บ้านห้วยหยวกป่าโซบ้านห้วยหมากบ้านสามสูงและ บ้านอาโต่และอีก4 ชุมชน ในตำบลห้วยชมภู อำเภอเมือง จังหวัดเชียงราย ได้แก่ วิสาหกิจกาแฟยอดดอยปางขอนวิสาหกิจปางขอนคอฟฟี่ฟาร์ม และ2 ชุมชนบ้านผาลั้ง ซึ่งรายได้จากการดำเนินโครงการฯ จะนำไปเป็นกองทุนในการพัฒนาอาชีพ และส่งเสริมคุณภาพชีวิตให้แก่ผู้ปลูกกาแฟไทยต่อไปนายกฤษณ์ฯ กล่าวในตอนท้าย


You must be logged in to post a comment Login