วันอาทิตย์ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ลมเปลี่ยนทิศ

On September 28, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

จั่วหัวเรื่องเหมือนชื่อคอลัมน์ดังของสำนักพิมพ์ใหญ่เพื่อจะบอกว่าอะไรก็ไม่มีความแน่นอน โดยเฉพาะสถานการณ์ทางการเมืองที่เปลี่ยนแปลงได้อย่างรวดเร็ว การแย่งชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่ดูเหมือนร้อนแรงก่อนหน้านี้ ต้องบอกว่าอุณหภูมิลดลงไปมากแล้ว และดูเหมือนว่าแชมป์เก่าจะได้เปรียบผู้ท้าชิงอยู่พอตัว แทบจะเรียกได้ว่าปิดประตูแพ้ ขณะที่พรรคเล็กพรรคน้อยที่เดินทางสายกลาง พร้อมร่วมงานกับขั้วไหนก็ได้ที่ได้จัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้ง เริ่มเนื้อหอมเมื่อบรรดาอดีต ส.ส. ที่เคยรับปากร่วมงานกับกลุ่มสามมิตรเล็งเห็นว่าการเลือกข้างทำให้เกิดความเสี่ยง ต่างกับการเลือกอยู่กับพรรคที่ผสมพันธุ์ได้กับทุกขั้วที่การันตีสถานะเป็นรัฐบาลหลังเลือกตั้งแน่นอนล้านเปอร์เซ็นต์

สถานการณ์การเมืองพลิกผันเปลี่ยนแปลงเร็ว เผลอแป๊บเดียวสิ่งที่เห็นและรับรู้มาก่อนหน้านี้อาจกลายเป็นอีกอย่างแล้วก็ได้

สิ่งที่เห็นได้ชัดที่สุดคือกรณีการแย่งชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ก่อนหน้านี้ดูเหมือนว่าผู้ท้าชิงอย่าง นพ.วรงค์ เดชกิจวิกรม อดีต ส.ส.พิษณุโลก จะมาแรง แต่หลังเวลาผ่านไป 1-2 สัปดาห์ ความได้เปรียบกลับมาอยู่ที่หัวหน้าคนเดิมคือ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ

ตัวชี้วัดการหยั่งเสียงชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ที่สำคัญน่าจะอยู่ที่กติกาว่าจะเอาสมาชิกพรรคเดิมทั้งหมดมาร่วมโหวต หรือให้สิทธิแค่คนที่ยืนยันการเป็นสมาชิกตามประกาศคำสั่ง คสช. ที่กำหนดกรอบเวลาให้ยืนยัน

ถ้าให้สิทธิสมาชิกเดิมทั้งหมดนายอภิสิทธิ์คงลอยลำ แต่หากนับเฉพาะสมาชิกที่ยืนยันตัวตนตามเส้นตายที่ คสช. กำหนดไว้ก่อนหน้านี้ก็สูสี และดูเหมือนเอียงไปข้าง นพ.วรงค์ที่ดูจะเหลื่อมอยู่นิดๆ

อย่างไรก็ตาม ศึกนี้คงไม่ยืดเยื้อไปถึงการประชุมใหญ่ของพรรค แต่จะรู้ผลกันหลังเปิดหยั่งเสียงสมาชิกพรรค เพราะเชื่อว่าเมื่อผลออกมาฝ่ายที่ชนะจะเดินหมากให้ฝ่ายที่เพลี่ยงพล้ำถอยตัวจากการแย่งชิงเก้าอี้ทันที โดยอ้างความต้องการตามเสียงส่วนใหญ่ของสมาชิกพรรค แม้ตามกฎหมายจะไม่มีผลเพราะให้สิทธิที่ประชุมใหญ่ลงมติชี้ขาดก็ตาม

ถึงตอนนี้อาจพูดได้ว่าการแย่งชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ไม่ได้เข้มข้นดุเดือดเหมือนหนังตัวอย่างที่ฉายออกมาก่อนหน้านี้

ไม่เพียงแต่สถานการณ์แย่งชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เท่านั้นที่เปลี่ยนไป แต่สถานการณ์ของกลุ่มสามมิตรที่ทำหน้าที่รวบรวมอดีต ส.ส. ก็เริ่มเปลี่ยนไปด้วย

เท่าที่ทราบบรรดาอดีต ส.ส. เกรดเอหลายรายที่เคยรับปากว่าจะย้ายขั้วเปลี่ยนข้างมาอยู่กับกลุ่มสามมิตรเสียงเริ่มแผ่ว ไม่หนักแน่นเหมือนที่คุยกันไว้ในตอนแรก

ทั้งนี้ อาจเป็นเพราะกระแสไม่เอาทหารในหมู่ประชาชนระดับฐานรากและชนชั้นกลางเริ่มชัดเจนมากขึ้นจนรู้สึกได้ เหมือนกับที่ใครหลายคนพูดไว้ก่อนหน้านี้

อย่างไรก็ตาม อดีต ส.ส. เกรดเอเหล่านั้นก็ไม่อยากปิดประตูทิ้งโอกาสของตัวเองที่จะได้รับในอนาคตข้างหน้า

หลายคนหลายกลุ่มแม้จะเปลี่ยนใจไม่เข้าร่วมกับกลุ่มสามมิตร แต่ก็ไม่กลับรังเดิม เพราะไม่อยากยืนตรงข้ามกลุ่มอำนาจปัจจุบัน ไม่ต้องปะฉะดะกับใครในสนามเลือกตั้ง จึงเลือกแทงกั๊กด้วยการไปอยู่กับพรรคที่มีแนวทางกลางๆที่สามารถร่วมงานได้กับทุกขั้วทุกข้าง พูดง่ายๆคือ ต้องการหลักประกันการเป็นพรรคร่วมรัฐบาลหลังเลือกตั้ง

พรรคเล็กที่มีแนวทางกลางๆ พร้อมเป็นนั่งร้านให้ทุกขั้วขึ้นสู่อำนาจหลังเลือกตั้ง จึงอยู่ในภาวะเนื้อหอมในตอนนี้

เหล่านี้คือตัวอย่างของสถานการณ์ที่เริ่มเปลี่ยนไปจากก่อนหน้านี้ และไม่แน่ชัดว่าสถานการณ์จะคงที่แบบนี้ไปอีกนานแค่ไหน เพราะการเมืองเปลี่ยนแปลงเร็ว เมื่อเวลาเปลี่ยนไปอาจมีปัจจัยอะไรมาทำให้สถานการณ์เปลี่ยนไปเป็นอีกอย่างหนึ่งก็ได้


You must be logged in to post a comment Login