วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ทางสองแพร่ง / โดย นายหัวดี

On October 2, 2018

คอลัมน์ : ฉุก(ละหุก)คิด

ผู้เขียน : นายหัวดี

วันที่ 30 กันยายน 2561 เป็นวันครบรอบ 12 ปีการจากไปของ “นวมทอง ไพรวัลย์” คนขับแท็กซี่วัย 60 ปี ที่ขับรถแท็กซี่ชนรถถังบริเวณลานพระบรมรูปทรงม้าเพื่อประท้วงรัฐประหารของ คมช. จนได้รับบาดเจ็บสาหัส

หลังจากนั้น 1 เดือนในคืนวันที่ 31 ตุลาคม 2549 “นวมทอง ไพรวัลย์” ผูกคอเสียชีวิตบริเวณสะพานลอยหน้าสำนักพิมพ์ไทยรัฐ โดยมีจดหมายลาตายระบุว่า ต้องการลบคำสบประมาทของ “พ.อ.อัคร ทิพโรจน์” รองโฆษกคณะปฏิรูปการปกครองในระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข (คปค.) ที่ว่า “ไม่มีใครมีอุดมการณ์มากขนาดยอมพลีชีพได้”

มีเพียงคนกลุ่มเล็กๆที่รำลึกวีรกรรมของ “นวมทอง ไพรวัลย์” ซึ่งผ่านมา 12 ปี บ้านเมืองก็ยังอยู่ภายใต้อำนาจรัฐประหาร สะท้อนให้เห็นความสำคัญของการต่อต้านรัฐประหารของ “นวมทอง ไพรวัลย์” ว่า “ระบอบเผด็จการ” ไม่มีวันตายจากสังคมไทยหากประชาชนยังยอมก้มหัวให้ “เผด็จการ”

คำประกาศของ “ธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ” หัวหน้าพรรคอนาคตใหม่ ว่าจะทำให้รัฐประหารหมดสิ้นไปจากประเทศไทยและสร้างประชาธิปไตยให้เกิดขึ้นจริง เหมือนการฟื้นคืนชีพของ “นวมทอง ไพรวัลย์” แต่ครั้งนี้เป็นพลังของ “คนรุ่นใหม่” ที่กำลังปลุกกระแสประชาธิปไตยไปทั่วบ้านทั่วเมือง

การเปิดตัว “พรรคอนาคตใหม่” อย่างเรียบง่ายแต่เต็มไปด้วยพลังบริสุทธิ์ แตกต่างสิ้นเชิงกับการเปิดตัว “พรรคพลังประชารัฐ” ที่เต็มไปด้วยกลิ่นอาย “เผด็จการทุนอนุรักษ์” และ “นักการเมืองโบราณ”

การต่อสู้ทางการเมืองมีแค่ 2 ทางเลือกคือ บ้านเมืองเดินหน้าสู่ระบอบประชาธิปไตยที่มั่นคงและยั่งยืน หรือจมปลักกับ “การเมืองน้ำเน่า” และ “ระบอบรัฐประหาร” ไม่สิ้นสุด?


You must be logged in to post a comment Login