- ปีดับคนดังPosted 15 hours ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 2 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 3 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 7 days ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 1 week ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
- หนีกรรมไม่พ้นPosted 2 weeks ago
คุม‘คน’ได้ก็ยาว
คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น
หลังเห็นองคาพยพชัดเจนในพรรคพลังประชารัฐ แม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์มากมาย แม้หลายคนจะชี้ไปทางเดียวกันว่าจะซ้ำรอยอดีตไปได้ไม่กี่น้ำ แต่ครั้งนี้อาจไม่เหมือนเดิม เพราะได้ถอดบทเรียน วางหมากแก้มาแล้ว ที่สำคัญกองหนุนไม่ได้ตกต่ำลงไปมากกว่าตอนที่เข้ามาประกาศยึดอำนาจมากนัก โดยเฉพาะกองหนุนที่มีบทบาทในหลายวงการ หลายองค์กร ที่ยังพร้อมเป็นหลักค้ำยันให้อยู่ในอำนาจต่อไปอย่างมั่นคง ปัจจัยเดียวที่ต้องคุมให้อยู่คือ “คน” ที่ย้ายข้างมาให้การสนับสนุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองที่ในอดีตมีตัวอย่างให้เห็นแล้วว่า “คน” กลุ่มนี้เป็นพวกที่อยู่ข้างไหนก็ได้ที่ตอบสนองความต้องการให้ได้ ถ้าคุม “คน” กลุ่มนี้ได้ โอกาสที่จะได้ไปต่ออีกยาวๆอย่างที่คิดกันไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเกินกำลัง
หลังการเปิดตัวพรรคพลังประชารัฐอย่างเป็นทางการที่ได้ 4 รัฐมนตรีในรัฐบาลทหาร คสช. เข้ามาคุมทัพ ก็ทำให้ทุกฝ่ายเห็นภาพการเมืองชัดเจน
ที่ชัดจนไม่อาจปฏิเสธได้คือความล้มเหลวของการปฏิรูปการเมือง เพราะแนวทางของพรรคพลังประชารัฐนั้นซ้ำรอยกับแนวทางการเมืองที่เกิดขึ้นเกือบทุกครั้งที่มีรัฐประหาร
อย่างไรก็ตาม แม้หลายคนจะปรามาสว่าพรรคพลังประชารัฐเป็นแค่พรรคเฉพาะกิจเฉพาะกาล ไม่ใช่พรรคที่ตั้งขึ้นมาเพื่อทำงานการเมืองอย่างยั่งยืน พร้อมชี้ให้ดูอดีตพรรคการเมืองที่ตั้งมาเป็นฐานให้ทหารสืบทอดอำนาจที่ต่างล้มหายตายจากทางการเมืองไปหมดสิ้นหลังจากทำงานการเมืองได้ไม่นาน
แม้หลายคนจะชี้ไปในทิศทางเดียวกันว่าการเมืองแนวทางนี้แม้จะได้อำนาจมาครองหลังการเลือกตั้ง แต่จะเป็นอำนาจที่ไม่ยั่งยืน และอาจจะจบไม่สวยซ้ำรอยใครหลายคนในอดีต
แต่ครั้งนี้อาจไม่เหมือนเดิม
เมื่อทุกคนมองเห็นบทเรียนจากการตั้งพรรคการเมืองเพื่อสืบทอดอำนาจในอดีต ฝ่ายทหารก็มองเห็นเช่นเดียวกัน
เมื่อมองเห็นก็ต้องถอดบทเรียนในอดีตเพื่อทำการแก้ไขไม่ให้กงล้อประวัติศาสตร์หมุนซ้ำรอยเดิม
เหมือนกับที่รัฐบาลทหาร คสช. ถอดบทเรียนความล้มเหลวของรัฐบาลที่มาจากรัฐประหารจนบริหารประเทศผ่านมาแล้ว 4 ปี ซึ่งเปรียบได้กับรัฐบาลเลือกตั้ง 1 สมัย
ที่สำคัญแม้จะมีเสียงวิพากษ์วิจารณ์การบริหารงานมากมาย แต่เสียงเชียร์แรงหนุนไม่ได้ตกต่ำลงไปมากกว่าตอนที่ประกาศยึดอำนาจมากนัก
ที่สำคัญที่สุดคือเสียงที่ลดลงไปนั้นเป็นเพียงประชาชนแนวร่วมธรรมดา ที่แม้อาจจะเสียงดังบ้าง แต่ทำอะไรไม่ได้ ทำได้ดีที่สุดก็แค่สร้างความน่ารำคาญ
ขณะที่กองหนุนที่มีบทบาทในหลายวงการ หลายองค์กร ยังพร้อมเป็นหลักค้ำยันให้อยู่ในอำนาจต่อไปอย่างมั่นคง
แถมยังมีกฎหมายที่เขียนเอื้อทั้งการเข้าสู่อำนาจ ทั้งการใช้อำนาจคอยสนับสนุนอีกแรงหนึ่ง
ทั้งหมดนี้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าได้ถอดบทเรียนและวางแนวทางแก้ไขไว้ล่วงหน้าแล้ว ส่วนจะเป็นไปตามที่วางไว้หรือไม่ เหลือปัจจัยเดียวที่ต้องรอลุ้นคือเรื่อง “คน”
“คน” ในที่นี้ไม่ใช่กองหนุนที่ตามเชียร์กันมาตั้งแต่ก่อนเข้ายึดอำนาจ เพราะกองเชียร์กลุ่มนี้อย่างไรก็เชียร์
แต่ “คน” ในที่นี้หมายถึงคนที่ไม่เคยสนับสนุนกันมาก่อน ทั้งในส่วนคนกลางๆ หรือฝ่ายตรงข้ามที่เปลี่ยนใจมาให้การสนับสนุน โดยเฉพาะอย่างยิ่งนักการเมืองที่ในอดีตมีตัวอย่างให้เห็นมาแล้วว่า “คน” กลุ่มนี้เป็นพวกที่อยู่ข้างไหนก็ได้ที่ตอบสนองความต้องการให้ได้
ถ้าคุม “คน” กลุ่มนี้ได้ โอกาสที่จะได้ไปต่ออีกยาวๆอย่างที่คิดกันไว้ก็ไม่ใช่เรื่องเกินกำลัง
แต่หากคุมไม่ได้ก็พังเร็ว
You must be logged in to post a comment Login