วันอังคารที่ 16 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

มาช้าดีกว่าไม่มา

On October 5, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

หลังปล่อยให้มีกระแสข่าวลือต่างๆออกมามากมาย ในที่สุดกลุ่มสามมิตรก็พร้อมเปิดตัวรวมกับพรรคพลังประชารัฐของ 4 รัฐมนตรีในรัฐบาลทหาร คสช. อย่างเป็นทางการแน่นอนแล้วช่วงสัปดาห์หน้า ซึ่งการเปิดตัวครั้งนี้ไม่ถือเป็นเซอร์ไพรส์อะไร โดยเฉพาะอดีต ส.ส. ที่จะหนีบมาทำงานกับบ้านหลังใหม่ด้วยที่มีแค่ประมาณ 30 คนเท่านั้น และยังไม่รู้ว่าในจำนวนนี้เป็นอดีต ส.ส. เกรดไหน อย่างไร อย่างไรก็ตาม แม้จะดูดอดีต ส.ส. เข้าร่วมด้วยไม่ได้มากสมราคาคุย แต่ถือว่ายังอยู่ในเส้นทางที่จะทำได้ตามเป้าหมาย ไม่ได้หวังต้องเป็นที่ 1 หรือที่ 2 แต่ต้องการแค่เป็นตัวแปรในการช่วงชิงอำนาจจัดตั้งรัฐบาลมาไว้ในมือให้ได้เท่านั้น

หลังง้องอนกันอยู่พักใหญ่ในที่สุดก็ลงตัว

ทั้งนี้ จากการเปิดเผยของนายธนกร วังบุญคงชนะ โฆษกกลุ่มสามมิตร ที่อ้างคำพูดของนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ แกนนำกลุ่มสามมิตร ว่าจะนำอดีต ส.ส. เข้าร่วมงานกับพรรคพลังประชารัฐ เพราะเล็งเห็นว่าเป็นทางเลือกใหม่ ที่สำคัญคือยอมเอานโยบายของกลุ่มไปใส่เป็นนโยบายของพรรคด้วย

ส่วนจำนวนไพร่พลที่จะยกไปเสริมทัพให้พรรคพลังประชารัฐจะมีทั้งหมด 70 คน แต่น่าสนใจตรงที่ว่าในจำนวน 70 คนนี้ มีคนที่เป็นอดีต ส.ส. ที่เคยผ่านสนามเลือกตั้งมาแล้วเพียง 30 คนเท่านั้น ที่เหลือเป็นพวกมือใหม่หัดเล่นการเมือง แต่คุยว่าเป็นพวกดาวฤกษ์ที่มีแสงในตัวเองไม่ต้องพึ่งแสงจากคนอื่น โดยส่วนมากเป็นคนดังในท้องถิ่น

จากคำให้สัมภาษณ์ของโฆษกกลุ่มสามมิตรทำให้ประชาชนได้เห็นความจริงอย่างหนึ่งว่า การตระเวนเดินสายดูดอดีต ส.ส. ที่ผ่านมาพร้อมคำคุยโวว่าได้มาเป็นหลักร้อยขึ้นไปนั้นไม่เป็นความจริง

ส่วนที่ได้มาจะเป็นระดับไหนอย่างไร จะเป็นอดีต ส.ส.เกรดเอที่ลงเลือกตั้งเมื่อไรก็ได้เข้าสภากี่คน เป็นอดีต ส.ส.เกรดบีที่ฐานเสียงไม่นิ่ง สอบตกบ้างสอบได้บ้างกี่คน และเป็นพวกดาวโรยที่เคยเป็นอดีต ส.ส. เมื่อนานมาแล้วแต่ระยะหลังไม่ค่อยได้รับการชูมือในสนามเลือกตั้งกี่คน สัปดาห์หน้าจะได้รู้กัน เพราะนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตร มีกำหนดแถลงข่าวเปิดตัวทีมงาน

หลังได้เห็นหน้าตาแล้วจะทำให้พอคาดเดาได้ว่าสถานะของพรรคพลังประชารัฐที่มีกลุ่มสามมิตรเป็นเครื่องยนต์ในการขับเคลื่อนนั้นอยู่ในระดับไหนทางการเมือง

แน่นอนว่าการมีอดีต ส.ส. เข้าร่วมเป็นพลังขับเคลื่อนเพียง 30 คน คงไม่มีทางที่จะขึ้นไปท้าชิงกับเบอร์ 1  เบอร์ 2 ในสนามการเมืองบ้านเราได้

เอาเข้าจริงการลุ้นอันดับ 3 กับพรรคภูมิใจไทยยังอาจเป็นเรื่องยาก

แต่การเป็นพรรคขนาดกลาง หากมีความพร้อมที่จะส่งคนลงสมัครรับเลือกตั้งได้ครบทุกเขต ก็จะได้อานิสงส์จากทุกคะแนนในเขตที่แพ้การเลือกตั้งมาคำนวณแบ่งโควตาเก้าอี้ ส.ส.บัญชีรายชื่อ โอกาสที่จะได้ ส.ส. ระดับ 50 เสียงบวกลบก็พอมีทางเป็นไปได้

การได้ ส.ส. ระดับนี้เป็นเป้าหมายที่แท้จริงตั้งแต่ต้นแล้ว เพราะรู้ศักยภาพตัวเองดีว่าการไปล้มแชมป์เก่าหรือรองแชมป์เป็นเรื่องยาก แต่การได้ ส.ส. ระดับ 50 เสียงบวกลบนั้นจะมีความสำคัญในฐานะเป็นตัวแปรในการจัดตั้งรัฐบาลบนเงื่อนไขที่ว่าพรรคอันดับ 1 กับพรรคอันดับ 2 ไม่มีวันที่จะจับมือกันตั้งรัฐบาลได้

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็ต้องลุ้นไม่ให้พรรคในระดับใกล้เคียงกันอย่างภูมิใจไทยไปจับมือกับพรรคอันดับ 1 ด้วย ซึ่งเมื่อดูตามเส้นทางเดินของพรรคภูมิใจไทยแล้วการไปร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยก็คงไม่สะดวกใจเท่าไร แม้นายอนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรค จะเข้าได้กับทุกฝ่าย แต่กุนซือใหญ่เจ้าของวลี “มันจบแล้วครับนาย” ที่ยืนกำกับอยู่ข้างสนามคงไม่สะดวกใจนัก

ในขั้นนี้ต้องบอกว่ากลุ่มสามมิตรและพรรคพลังประชารัฐยังอยู่ในเส้นทางที่จะทำทุกอย่างได้ตามแผน ตามเป้าหมายที่วางไว้ตั้งแต่ต้น

แม้ช่วงที่ยังไม่มีพระราชกฤษฎีกาเลือกตั้ง ตลาดซื้อขายยังไม่ปิดตัว ทุกอย่างยังเปลี่ยนแปลงได้

แต่เชื่อว่าไม่น่าจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปมากกว่านี้ โดยเฉพาะดีลใหญ่ๆชนิดเปิดตัวมาเซอร์ไพรส์กันทั้งประเทศคงไม่มี


You must be logged in to post a comment Login