ศึกรถจักรยานยนต์ทางเรียบชิงแชมป์โลก โมโตจีพี ครั้งแรกในเมืองไทย รูดม่านลงอย่างสวยงามเมื่อวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561 ไม่เพียงแต่แฟนความเร็วชาวไทยและเทศได้รับชมการแข่งขันที่สนุกตื่นเต้นตั้งแต่ต้นจนจบแล้ว ยังเป็นอีกหนึ่งช่วงเวลาที่ เอ.พี.ฮอนด้า ผู้นำแห่งวงการมอเตอร์สปอร์ตเมืองไทย ได้ร่วมจารึกชื่อลงในประวัติศาสตร์สำคัญแห่งวงการกีฬามอเตอร์สปอร์ตระดับประเทศด้วยเช่นกัน
รายการรถจักรยานยนต์ชิงแชมป์โลก สนามที่ 15 ของฤดูกาล 2018 รายการ “พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ ปรีซ์” เปิดฉากขึ้นตั้งแต่วันศุกร์ที่ 5 ตุลาคม 2561 ณ สนาม ช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต จ.บุรีรัมย์ ก่อนสิ้นสุดลงในวันอาทิตย์ที่ 7 ตุลาคม 2561 ซึ่งเมื่อประเมินผลงานการจัดการของฝ่ายจัดการแข่งขัน รวมถึงผู้สนับสนุนต่างๆ ต้องเรียกว่าสอบผ่าน 100% ก็ว่าได้เพราะมีเสียงชื่นชมจากแฟนชาวไทยและชาวต่างชาติมากมายถึงการต้อนรับที่ดีของเจ้าบ้านอย่าง จ.บุรีรัมย์
แม้จะเพิ่งจัดศึกสองล้อระดับโลกเป็นครั้งแรก แต่เสียงตอบรับของผู้ชมตลอด 3 วันอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม ซึ่งตัวเลขที่ออกมาเปิดเผยว่าการแข่งขันครั้งนี้มียอดผู้ชมทะลุเป้ากว่า 2 แสนคน และที่สำคัญคือการแข่งขันครั้งนี้จบลงด้วยความราบรื่นตั้งแต่วันแรกจนถึงวันสุดท้าย ถือเป็นสัญญาณอันดีที่เจ้าของลิขสิทธิ์อย่าง ดอร์น่า สปอร์ต จะรู้สึกพึงพอใจและพิจารณาถึงการทำสัญญาให้ ประเทศไทย รับสิทธิเป็นเจ้าภาพ โมโตจีพี ในระยะยาว
ถัดมาที่การแข่งขันในสนาม คงไม่มีค่ายรถใดยิ้มแก้มปริเท่ากับ “เอ.พี.ฮอนด้า” อีกแล้ว เมื่อผลงานที่เกิดขึ้นในสนามช้าง อินเตอร์เนชันแนล เซอร์กิต พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่าพวกเขาคือเบอร์ 1 ของโลกอย่างไม่ต้องสงสัย โดยเฉพาะรุ่นไฮไลท์อย่าง โมโตจีพี ที่ “มาร์ค มาร์เกซ” ยอดนักบิดซูเปอร์สตาร์ชาวสแปนิช สังกัด เรปโซล ฮอนด้า บิดเข้าป้ายคว้าแชมป์ที่สนามแห่งนี้เป็นรายแรก จนทำให้คะแนนสะสมตอนนี้นำเป็นจ่าฝูง และกำลังนับถอยหลังสู่การเป็นแชมป์โลกสมัยที่ 5 ในสนามถัดไปที่ญี่ปุ่นในอีกไม่กี่อึดใจ
อีกหนึ่งไฮไลท์สำคัญของสนามคือผลงานของสองนักบิดชาวไทยที่ได้รับการปลุกปั้นสนับสนุนโดย เอ.พี.ฮอนด้า โดยเฉพาะรุ่นของ โมโตทรี เมื่อพวกเขาส่ง “เจ้าก้อง” สมเกียรติ จันทรา ดาวรุ่งเจ้าของแชมป์ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ ปี 2016 หมายเลข 35 สังกัด เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ลงแข่งเป็นมือไวลด์การ์ดสนามนี้ ซึ่งก่อนแข่งเจ้าตัวได้บรรจงกราบแผ่นดินแม่สร้างขวัญกำลังใจ ก่อนโชว์ฟอร์มสุดฝีมือเข้าอันดับ 9 เก็บแต้มเข้ากระเป๋าไป 7 แต้ม สำคัญบนแผ่นดินแม่เป็นครั้งแรก สร้างชื่อกระหึ่ม! ต่อหน้ากองเชียร์คนไทยว่าเป็นนักบิดไทยคนแรกที่เก็บแต้มในโฮมเรซของการแข่งขันรายการระดับโลกอย่าง โมโตทรี และเป็นนักบิดไทยเพียงคนเดียวที่ทำแต้มได้ในเรซนี้
ไม่เพียงเท่านั้น ในรุ่นการแข่งขัน อิเดมิตสึ เอเชีย ทาเลนต์ คัพ 2018 นักบิดของ เอ.พี.ฮอนด้า เรซซิ่ง ไทยแลนด์ ก็ประสบความสำเร็จในศึกโฮมเรซเช่นกัน เมื่อรอบชิงชนะเลิศเรซที่ 2 ของสนาม “เจ้าก๊อง” ธัชกร บัวศรี ดาวรุ่งหมายเลข 5 แสดงฝีมือบิดรถคู่ใจเข้าเส้นชัยอันดับ 3 เก็บ 16 แต้มเข้ากระเป๋า เดินขึ้นไปฉลองตำแหน่งโพเดียมต่อหน้ากองเชียร์ชาวไทยอย่างเต็มภาคภูมิ ภายใต้คอนเซ็ป “เอ.พี.ฮอนด้า เรซ ทู เดอะดรีม” สปิริตไทย ท้าทายสู่ฝัน ตามแผนโร้ดแม็ปที่ บริษัท เอ.พี.ฮอนด้า จำกัด ประกาศนโยบายมอเตอร์สปอร์ต ตั้งเป้าปั้นนักบิดเยาวชนไทยสู่การแข่งขันระดับโลก โมโตจีพี ภายในปี 2025
นอกจากผลงานในสนามแข่งขัน แฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ตของไทย โดยเฉพาะแฟนคลับของ เอ.พี.ฮอนด้า รวมถึลดีลเลอร์และลูกค้าคนสำคัญ ยังได้รับประสบการณ์พิเศษจาก เอ.พี.ฮอนด้า กลับไปเมื่อพวกเขาได้กระทบไหล่กับสุดยอดนักบิดระดับโลกทั้ง มาร์ค มาร์เกซ, ดานี เปโดรซ่า, คัล ครัทช์โลว์ ” ทาคาอากิ นาคากามิ และไมเคิล ดูฮาน ตำนานนักบิดระดับโลก 5 สมัยต่อเนื่อง มาปรากฏตัวแบบตัวจริงเสียงจริงในงาน เอ.พี.ฮอนด้า เอ็กซ์คลูซีฟ ปาร์ตี้ ค่ำคืนวันเสาร์ที่ 6 ตุลาคม ที่ผ่านมา เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้เยาวชนรุ่นใหม่ที่มีใจรักและชื่นชอบในกีฬามอเตอร์สปอร์ตได้เดินตามฝัน และปิดแถมยังได้สนุกกับคอนเสิร์ตจากศิลปินดังอย่าง แมว-จิระศักดิ์ ปานพุ่ม และ ปาล์มมี่ อีฟ ปานเจริญ อีกด้วย
สำหรับ เอ.พี.ฮอนด้า ผลงานความสำเร็จที่พวกเขาฝากไว้ในการแข่งขัน พีทีที ไทยแลนด์ กรังด์ ปรีซ์ รวมถึงบทบาทการเป็น “เจ้าบ้าน” ที่ดีของประเทศไทยในรายการระดับโลก เริ่มตั้งแต่การต้อนรับบริการประชาชนทั้งไทยและต่างชาติสามารถมาใช้บริการ “จุดพักรถ เติมพลัง” ให้บริการเครื่องดื่ม ชา กาแฟ นวดผ่อนคลาย บริการเช็คสภาพรถเบื้องต้น โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายใดๆ ทั้งสิ้น , บริการเต้นท์นอน พร้อมอาหารเครื่องดื่มฟรี! เพื่อรองรับแฟนๆ มอเตอร์สปอร์ตที่หาที่ไม่มีที่พัก และที่สำคัญ เอ.พี.ฮอนด้าได้จัดบููธไฮไลท์ใน Honda Exhibition Hall ขนาดใหญ่ ได้นำรถที่ใช้ในการแข่งขันมอเตอร์สปอร์ตระดับโลก ซึ่งผ่านการขับขี่โดยนักบิดมือดังต่างๆ มากมาย มาจัดแสดงให้ได้สัมผัสอย่างใกล้ชิด และถ่ายรูปเก็บเป็นที่ระลึก อาทิ Honda NSR500, Honda RC211V ต้นกำเนิดรถแข่งโมโตจีพีที่มาพร้อมเครื่องยนต์ 4 จังหวะ และพาฮอนด้าคว้าแชมป์โลกได้มากที่สุด รวมถึง RC213V MM93 เรซแมชชีนคู่กาย มาร์คมาร์เกซ แชมป์โลก 4 สมัย และ ซูเปอร์ไบค์ที่เป็นที่สุดของโลก RC213V-S ราคา 8 ล้านบาท รถแข่งตระกูล RC213V ที่ถูกพัฒนาให้สามารถขับขี่ได้บนท้องถนน มีจำนวนจำกัดเพียง 213 คันในโลก ที่จะนำมาเปิดให้ทุกคนสัมผัสพร้อมขึ้นคร่อมถ่ายภาพเป็นครั้งแรกและครั้งเดียวภายในกิจกรรมนี้เท่านั้น และกิจกรรมอื่นๆ อีกมากมาย
นับเป็นอีกหนึ่งหน้าประวัติศาสตร์สำคัญที่ทำให้ผู้บริหาร นักแข่ง ทีมงาน ผู้ที่เกี่ยวข้อง และแฟนกีฬามอเตอร์สปอร์ต ต้องบันทึกอยู่ในความทรงจำของพวกเขาตลอดไป จนกว่าจะพบกันใหม่อีกครั้งในการแข่งขัน โมโตจีพี ครั้งที่ 2 ในเมืองไทย ปี 2019
…………………………………………………..
You must be logged in to post a comment Login