วันจันทร์ที่ 25 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

มองมุมไหนก็คุ้ม

On October 9, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ยอมถอนฟ้อง 3 เกลอจากพรรคประชาธิปัตย์ แม้จะขัดใจกองเชียร์สายเหยี่ยวอยู่บ้าง แต่สิ่งที่จะได้กลับคืนมาถือว่าคุ้มเกินคุ้มไม่ว่าจะมุมเครดิตส่วนตัวหรือมุมทางการเมือง แน่นอนว่าจะแผ่อานิสงส์ไปถึงต้นสังกัดเก่าอย่างพรรคเพื่อไทยด้วย เพราะการถอนฟ้องเพื่อล้มฟังคำตัดสินศาลฎีกาหลังศาลชั้นต้นและชั้นอุทธรณ์ตัดสินให้มีความผิดมีโทษทั้งจำคุกทั้งปรับเงินไม่ต่างจากการยอมถอดชนวนระเบิดในนาทีสุดท้ายก่อนที่ฝ่ายตรงข้ามจะตายทางการเมืองย่อมกลายเป็นชนักให้ 3 เกลอต้องปรับบทบาทใหม่ และนี่อาจเป็นจุดเริ่มที่ทำให้ 2 พรรคที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานานมีไมตรีต่อกันมากขึ้น ซึ่งอาจต่อยอดไปเป็นอย่างอื่นที่ไม่เคยคิดว่าจะได้เห็นได้

กรณี 3 เกลอฝีปากกล้าแห่งสำนักประชาธิปัตย์ นายศิริโชค โสภา นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต และนายเทพไท เสนพงศ์ ยอมทำจดหมายเปิดผนึกขอโทษและขอบคุณ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี เพื่อแลกกับการถอนฟ้องคดีหมิ่นประมาทกรณี ว.5 โฟร์ซีซั่น หลังจากก่อนหน้านี้ศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์พิพากษาให้จำคุกคนละ 1 ปี ปรับคนละ 50,000 บาท และศาลฎีกานัดฟังคำพิพากษาในวันที่ 19 ตุลาคม 2561 ที่จะถึงนี้ มีคนแสดงความเห็นกันในหลากหลายแง่มุม

ในความเห็นหลากหลายแง่มุมมีความจริงประการหนึ่งคือ การยอมจำนนในครั้งนี้เกิดจากความจำใจเพราะต้องการเดินบนถนนการเมืองต่อไป

ทั้งนี้ เนื่องจากหากเสี่ยงรอฟังคำตัดสินของศาลฎีกาแล้วผลออกมาพิพากษายืนตามศาลชั้นต้นและศาลอุทธรณ์จะทำให้อนาคตทางการเมืองดับดิ้น

การยอมขอโทษย่อมทำให้เครดิตความน่าเชื่อถือหดหาย การแสดงบทบาททางการเมืองจะต้องปรับเปลี่ยนไป ไม่อาจใช้แนวทางเดิมๆได้เหมือนที่ผ่านมา

โดยเฉพาะอย่างยิ่งการโพสต์ข้อความขอโทษลงเฟซบุ๊คเพียงไม่กี่ชั่วโมงแล้วรีบลบ โดยอ้างว่าการเจรจาถอนฟ้องไม่มีข้อกำหนดว่าจะต้องแสดงข้อความขอโทษกี่วัน

ยิ่งภายหลังนำข้อความกลับมาโพสต์ใหม่ ยิ่งทำให้เสียรังวัดทางการเมือง

ไม่เพียงเสียรังวัดส่วนตัว แต่ยังเสียไปถึงต้นสังกัดที่ทำให้ถูกมองว่าสิ่งที่กระทำนั้นเป็นปรกตินิสัยของคนสังกัดพรรคการเมืองนี้

บทบาททางการเมืองของ 3 เกลอจากนี้ไปจะเล่นบทหน่วยหน้ากล้าตายต่อปากต่อคำกับคนของพรรคเพื่อไทยไม่ได้แล้ว เพราะถือว่ามีบุญคุณค้ำคอกันอยู่ อย่างน้อยการถอนฟ้องครั้งนี้ผู้ที่มีบทบาทประสานงานให้คือ นายวัฒนา เมืองสุข หนึ่งในแกนนำพรรคเพื่อไทย

ที่สำคัญกรณีนี้อาจเป็นจุดเริ่มต้นของการปล่อยวางจากการเอาผิดฐานหมิ่นประมาทระหว่างนักการเมือง 2 พรรคที่เป็นไม้เบื่อไม้เมากันมานาน เพราะถือว่าอีกฝ่ายได้หยิบยื่นไมตรีให้แล้ว

แม้ที่ผ่านมาคนของพรรคเพื่อไทยจะติดคุกเพราะหมิ่นประมาทคนของพรรคประชาธิปัตย์มาแล้วหลายคนก็ตาม แต่พอถึงคิวคนของประชาธิปัตย์ที่อาจต้องเข้าไปนอนในคุกบ้าง อีกฝ่ายกลับยอมถอนฟ้องให้โดยไม่ลังเล

“บัดนี้ข้าพเจ้ากับพวกรวม 3 คนคือ นายชวนนท์ อินทรโกมาลย์สุต จำเลยที่ 1 นายศิริโชค โสภา จำเลยที่ 2 และนายเทพไท เสนพงศ์ จำเลยที่ 3 ได้สำนึกผิดแล้ว และขออภัยต่อ น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ซึ่ง น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ก็ได้ให้อภัยต่อข้าพเจ้า และได้ยื่นคำร้องขอถอนฎีกาให้กับข้าพเจ้ากับพวก ทำให้ข้าพเจ้ากับพวกหลุดพ้นจากคดีนี้ ข้าพเจ้ากับพวกทั้ง 3 คน ขอขอบคุณ และถือโอกาสนี้แจ้งข่าวให้เป็นที่ทราบกันโดยทั่วไป”

นี่คือประโยคไฮไลท์ในจดหมายเปิดผนึกขอโทษ ที่แม้จะทำให้ 3 เกลอมีที่ยืนทางการเมืองต่อไป แต่เป็นจุดเปลี่ยนที่ทำให้ไม่มีวันเหมือนเดิม

การที่ น.ส.ยิ่งลักษณ์ยอมถอนฟ้องครั้งนี้ แม้จะไม่ถูกใจฝ่ายสนับสนุนสายเหยี่ยว

แต่สิ่งที่จะได้กลับคืนมาทั้งในทางส่วนตัวและทางการเมืองถือว่าคุ้มเกินคุ้ม


You must be logged in to post a comment Login