วันเสาร์ที่ 23 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ข้อพิพาทการค้ากระทบทั่วโลก

On October 10, 2018

กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ออกรายงานวิเคราะห์สถานการณ์เศรษฐกิจโลกประจำไตรมาสสุดท้ายของปีนี้ระหว่างการประชุมประจำปีของไอเอ็มเอฟและธนาคารโลก (เวิลด์แบงก์) บนเกาะบาหลี ประเทศอินโดนีเซีย ประมาณการการเติบโตของเศรษฐกิจโลกอยู่ที่ 3.7% ทั้งปีนี้และปีหน้า ลดลงจากการคาดการณ์ในรายงานเมื่อเดือนกรกฎาคมที่ระบุไว้ที่ 3.9% สำหรับทั้ง 2 ปี

ทั้งนี้ ปัจจัยที่ส่งผลต่อการปรับลดแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจโลกตามทรรศนะของไอเอ็มเอฟยังคงรวมถึงการตั้งกำแพงภาษีตอบโต้กันระหว่างสหรัฐกับจีน ซึ่งไอเอ็มเอฟย้ำว่าจะส่งผลกระทบเป็นลูกโซ่ไปทั่วโลก ตัวเลขทางเศรษฐกิจของกลุ่ม 19 ประเทศสมาชิกยูโรโซนที่ลดลง ภาวะเบร็กซิต นโยบายอาเบะโนมิกส์ และการเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายแบบก้าวกระโดดของกลุ่มตลาดเกิดใหม่หลายประเทศ เพื่อหวังยับยั้งความผันผวนของเงินทุนไหลออก โดยเฉพาะอาร์เจนตินา บราซิล ตุรกี และแอฟริกาใต้

รายงานวิเคราะห์ของไอเอ็มเอฟระบุด้วยว่า ผลกระทบจากสงครามการค้าระหว่างสหรัฐกับจีนจะลากยาวไปจนถึงปีหน้า ส่งผลต่อแนวโน้มการขยายตัวของเศรษฐกิจสหรัฐ ซึ่งจะลดลงจาก 2.7% มาอยู่ที่ 2.5% และของจีนจาก 6.4% ลงมาอยู่ที่ 6.2% อย่างไรก็ตาม คาดการณ์การเติบโตทางเศรษฐกิจของสหรัฐและจีนในปีนี้ยังไม่เปลี่ยนแปลง นั่นคืออยู่ที่ 2.9% และ 6.6% ตามลำดับ ขณะที่สถานการณ์ทางเศรษฐกิจของกลุ่ม “อาเซียน ไฟว์” ที่หมายถึงอินโดนีเซีย มาเลเซีย ฟิลิปปินส์ สิงคโปร์ และไทย คาดว่าจะเติบโตที่ระดับ 5.3% ในปีนี้ และ 5.2% ในปี 2562

นายหยาง เจียฉือ มนตรีแห่งรัฐจีน ได้พบหารือกับนายไมค์ ปอมเปโอ รัฐมนตรีต่างประเทศสหรัฐ ที่มาเยือนกรุงปักกิ่งเมื่อวันจันทร์ที่ผ่านมา และให้สัมภาษณ์ว่า ความสัมพันธ์ระหว่างจีนกับสหรัฐอยู่ในจุดวิกฤต ซึ่งทางการจีนกังวลกับแถลงการณ์และท่าทีในด้านลบจากฝั่งสหรัฐช่วงที่ผ่านมา โดยจีนจะยังคงดำเนินมาตรการที่จำเป็นเพื่อปกป้องอธิปไตย ความมั่นคง และผลประโยชน์ในความก้าวหน้าของชาติต่อไป นอกจากนี้ยังย้ำท่าทีของจีนที่มีต่อประเด็นการค้าทวิภาคี ไต้หวัน และทะเลจีนใต้ ทางด้านนายปอมเปโอกล่าวว่า สหรัฐยังคงยึดมั่นในความร่วมมือกับจีนที่จะได้ประโยชน์กันทั้งสองฝ่าย รวมทั้งจะประสานความร่วมมือเพื่อหาทางออกอย่างสร้างสรรค์ในการคลี่คลายปัญหาท้าทายด้านทวิภาคี


You must be logged in to post a comment Login