วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

ล็อกกุญแจล่ามโซ่

On October 11, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การประกาศจุดยืนของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่าจะไม่นำพรรคประชาธิปัตย์ร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยและ คสช. จะขอเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเท่านั้น ถือเป็นการเพิ่มโจทย์ให้ฝ่ายที่ต้องการอยู่ในอำนาจเพื่อสานงานต่อต้องแก้ เพราะด้วยขนาดของพรรคประชาธิปัตย์จะทำให้การจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งเป็นไปได้ยากมากขึ้นถ้าไม่มีพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก แหกคอกมาให้การสนับสนุน หากมองอีกแง่ก็เป็นเรื่องดีที่จะช่วยเพิ่มโอกาสดึง ส.ว. มาร่วมโหวตเลือกนายกฯ ดังนั้น สิ่งที่ต้องทำให้ได้เป็นอันดับแรกหลังเลือกตั้งคือ ล่ามโซ่พรรคขนาดกลาง ขนาดเล็กแล้วล็อกกุญแจให้แน่น ไม่ให้ใครหนีไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้

หลังการเลือกตั้งผมเคยบอกแล้วว่าไม่ควรมาถามพรรคประชาธิปัตย์ว่าจะร่วมกับใครตั้งรัฐบาล แต่ควรถามคนอื่นว่าจะร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์สร้างบ้านเมืองหรือไม่ เพราะเรามีแนวทางที่ชัดเจนและแตกต่างจากทั้ง คสช. และพรรคเพื่อไทย เราจะเป็นทางหลักของประเทศไทย ไม่ใช่ไปช่วยหรือร่วมกับใครเป็นรัฐบาล แต่เราจะเป็นทางหลักคือเป็นตัวของตัวเอง ไม่มีทางเป็นอะไหล่ทางการเมืองให้ใครทั้งสิ้น เพราะพรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่พรรคอะไหล่”

คำให้สัมภาษณ์ล่าสุดของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หนึ่งในผู้ท้าชิงเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ถือว่ามีความน่าสนใจ

โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากนายอภิสิทธิ์ชนะการโหวตเลือกได้กลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกสมัย การเมืองทั้งก่อนและหลังการเลือกตั้งเพิ่มดีกรีความร้อนขึ้นไปอีกระดับแน่ๆ

การประกาศว่ามีแนวทางชัดเจนต่างจากคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) การประกาศว่ามีแนวทางชัดเจนต่างจากพรรคเพื่อไทย ทำให้ไม่อาจร่วมงานเป็นรัฐบาลบริหารประเทศหลังการเลือกตั้งได้

การประกาศว่าขอเป็นตัวหลักในการฟอร์มทีมจัดตั้งรัฐบาลแม้จะไม่ชนะเลือกตั้งยิ่งน่าสนใจ เพราะจะไปเพิ่มโจทย์ให้การอุ้มผู้มีอำนาจในปัจจุบันมานั่งเก้าอี้นายกฯอีกสมัยยากมากขึ้น

เป็นที่ทราบกันดีว่าขนาดของพรรคประชาธิปัตย์ถือเป็นตัวแปรที่สำคัญมากที่สุดในการจัดตั้งรัฐบาล

ระดับของพรรคประชาธิปัตย์มีขนาดเทียบเท่ากับพรรคการเมืองขนาดกลางกับพรรคการเมืองขนาดเล็กรวมกัน 3-4 พรรคขึ้นไป

การประกาศจุดยืนที่ชัดเจนว่าไม่สามารถร่วมงานกับพรรคเพื่อไทยและ คสช. เท่ากับว่ามีกลุ่มการเมืองที่แย่งกันชิงจัดตั้งรัฐบาลหลังการเลือกตั้งแยกเป็น 3 ขั้วอย่างชัดเจน

ใครจะได้ชิ้นปลามันไปกินก็ขึ้นอยู่ที่ว่าพรรคขนาดกลาง พรรคขนาดเล็ก จะมีพรรคไหนแตกตัวออกมาจากกลุ่มที่จับมือกันอยู่หรือไม่

คำประกาศของนายอภิสิทธิ์แน่นอนว่าส่งผลกระทบไปถึงแผนงานสร้างเสลี่ยงเพื่อหามใครบางคนให้อยู่ในอำนาจต่อ

แต่ไม่ถือว่ากระทบพรรคเพื่อไทย เพราะทั้ง 2 พรรคผีไม่เผาเงาไม่เหยียบกันอยู่แล้ว เนื่องจากมีกองเชียร์คนละกลุ่ม หากหักมุมการเมืองจับมือกันเป็นรัฐบาลจะถูกกองเชียร์ทั้ง 2 ฝ่ายร่วมกันโห่ไล่แน่นอน

แม้วันนี้ยังไม่ชัวร์ว่านายอภิสิทธิ์จะชนะการโหวตเลือกเป็นหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แต่เมื่อดูรายชื่อ ดูหน้าตาของอดีต ส.ส. ที่เปิดตัวให้การสนับสนุนแล้ว มีความเป็นไปได้มากกว่า 99% ที่นายอภิสิทธิ์จะได้เป็นแม่ทัพนำทีมลงสู้ศึกเลือกตั้งช่วงต้นปีหน้าค่อนข้างแน่

เมื่อพรรคประชาธิปัตย์ภายใต้การนำของนายอภิสิทธิ์ประกาศแนวทางออกมาอย่างชัดเจนแล้ว สิ่งที่ฝ่ายที่ต้องการสร้างนั่งร้านสืบทอดอำนาจต้องทำคือ ต้องล่ามโซ่พรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก แล้วล็อกกุญแจให้แน่นที่สุดเท่าที่จะทำได้ เพื่อไม่ให้หนีไปร่วมกับพรรคประชาธิปัตย์หรือพรรคเพื่อไทยตั้งรัฐบาลได้

หากไม่มีใครแหกคอก หลังเลือกตั้ง ส.ส. จะถูกแบ่งเป็น 3 กลุ่ม โดยมีคะแนนเสียงไล่เลี่ยกัน ก็จะไปเข้าล็อกทำให้ไม่สามารถโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีจากบัญชีรายชื่อที่พรรคการเมืองนำเสนอได้ เมื่อถึงตอนนั้นก็สามารถดึงสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) 250 คนที่แต่งตั้งรอไว้ก่อนแล้วมาร่วมโหวตเลือกนายกฯจากคนนอกบัญชีพรรคการเมืองได้

แต่ถ้าจับพรรคขนาดกลาง ขนาดเล็ก ล็อกคอไว้ไม่แน่น โอกาสที่จะไปถึงเป้าหมายก็ลดลงอย่างแน่นอน


You must be logged in to post a comment Login