วันอังคารที่ 23 กรกฎาคม พ.ศ. 2567

น้ำผึ้งหยดเดียว / โดย พระพยอม กัลยาโณ

On October 12, 2018

คอลัมน์ : สำนักข่าวพระพยอม

ผู้เขียน : พระพยอม กัลยาโณ

เรื่องระฆังวัดกลายเป็น “น้ำผึ้งหยดเดียว” เพราะเสียงระฆังดังไปทั่วประเทศ มีการนิมนต์พระให้ไปออกรายการสัมภาษณ์เรื่องระฆังทุกสื่อทุกช่องทาง เรื่องระฆังจึงดังไปทั่วประเทศ เพราะคนสนใจและสงสัย แม้แต่มัสยิดบางแห่งยังมีปัญหา มีข่าวว่าหลายวัดต้องเปลี่ยนเวลาตีระฆังเพราะโดนร้องเรียน

จากเรื่องระฆังลามมาถึงเรื่องแห่นาคบวชนาคที่มีเสียงดัง ซึ่งเมื่อก่อนไม่เป็นข่าว จนมาเกิดเรื่องระฆัง ทำให้เรื่องที่เก็บกดก็เกิดกระแสต่อต้านวิพากษ์วิจารณ์กันออกมา มันแปลกคือเมื่อก่อนไม่เคยมีเรื่องลักษณะอย่างนี้ ไม่มีใครคิดว่าเรื่องของวัด เรื่องของสงฆ์ พระทำหน้าที่อยู่ดีๆก็โดนต่อว่า

ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ไม่ปฏิบัติหน้าที่ ละเลยหน้าที่ ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ ก็โดนข้อหาต่างๆนานา แต่พระและวัดไม่ใช่เจ้าหน้าที่รัฐ จะมาบอกว่าไม่ให้ปฏิบัติหน้าที่มันก็ประหลาดมาก ถ้าหากไม่ให้พระปฏิบัติกิจของพระแล้วศาสนาจะเหลืออะไร ห้ามไม่ให้พระทำวัตรสวดมนต์ ไม่ให้ออกเสียงดัง ไม่ให้ตีระฆัง อย่างนั้นก็ไม่ต้องทำอะไรเพื่อสืบสานประเพณี

บางเรื่องก็เป็นเรื่องดีที่จะมีการแก้ไข อย่างวัดที่ชอบจัดงานหาเงินหรือจัดงานวัดต่างๆและมีเสียงดัง ตั้งลำโพงให้เสียงดังสนั่นหวั่นไหว ชาวบ้านจะหลับนอนก็รำคาญ อันนี้ต้องแก้ไข ต้องกระตุ้นต้องตักเตือนกันบ้าง

ทั้งวัดทั้งชาวบ้านต้องรู้จักว่าอะไรควรอะไรไม่ควร ทำได้แค่ไหน อย่างไร เพราะมนุษย์เราอยู่โดดเดี่ยวไม่ได้ ต้องมีปฏิสัมพันธ์ต่างๆกัน จึงต้องมีความอะลุ้มอล่วย เอื้ออาทรกันและกัน อยู่ร่วมในสังคมกันต้องมีการยืดหยุ่น โอนอ่อนผ่อนให้กันและกัน ไม่ใช่จะทำอะไรตามอำเภอใจ เมื่อมีความไม่พอใจหรือมีการร้องเรียนก็ต้องดูเหตุผลและปรับตัวปรับใจให้อยู่ร่วมกันได้

เหมือนคอนโดฯกับวัดจะอยู่โดยไม่มีปัญหาอย่างไร เมื่อมีปัญหาก็ต้องแก้ไขต้องปรับปรุง หวังว่าเราทุกคนก็ต้องปรับตัวไปตามยุคตามสมัย เพราะไม่มีอะไรเที่ยงแท้แน่นอน จากเรื่องที่เคยทำได้ก็อาจทำไม่ได้ ต้องปรับตัวปรับใจเพื่อจะอยู่ร่วมกันได้อย่างสงบสุขต่อไป

เจริญพร


You must be logged in to post a comment Login