วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

หัวจ๋า…ผมลาก่อน / โดย รศ.นพ.ป่วน สุทธิพินิจธรรม

On October 12, 2018

คอลัมน์ : โลกสุขภาพ

ผู้เขียน :  รศ.นพ.ป่วน สุทธิพินิจธรรม นายกสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทย

 

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 12- 19 ตุลาคม 2561)

ในปัจจุบันมีศูนย์ สถาบัน คลินิกดูแลเส้นผม ให้คำปรึกษาด้านเส้นผมเกิดขึ้นหลายแห่ง ทั้งในห้างสรรพสินค้า โรงพยาบาล หรือศูนย์เส้นผมต่างๆ ทุกแห่งต่างประกาศตัวว่าสามารถแก้ไขปัญหาให้เส้นผมกลับมาดกดำได้ทุกรูปแบบ แถมบางแห่งยังรับรองผล 100% ก็มีอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ก่อนที่จะเลือกรับการบริการหรือการรักษาด้วยวิธีใดๆ สมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยอยากให้ท่านได้ลองศึกษารายละเอียดเรื่องเส้นผมดูก่อนเพื่อเลือกตัดสินใจเข้ารับการรักษา เพราะการเข้ารับการรักษาอาจต้องเสียค่าใช้จ่ายในราคาที่สูงจนน่าตกใจ

เส้นผมบนศีรษะคนเรามีอยู่ประมาณ 100,000 เส้น จำนวน 90% อยู่ในระยะเจริญเติบโต จะแบ่งตัวสร้างเส้นผมนาน 3-6 ปี อีก 10% อยู่ในระยะหยุดโตประมาณ 10,000 เส้น เมื่อหยุดโตเส้นผมจะยังคงอยู่บนศีรษะอีก 100 วัน แล้วจะค่อยๆหมุนเวียนหลุดไปแล้วจะกลับเข้าสู่ระยะเจริญเติบโตใหม่ ดังนั้น ทุกคนจะมีผมร่วงได้วันละ 100 เส้น ในวันที่สระผมเส้นผมจะร่วงมากกว่าวันปรกติ

สาเหตุของผมร่วงเกิดจากหลายปัจจัย ได้แก่ 1.เผ่าพันธุ์ เพศและอายุ 2.เชื้อโรคที่เล่นงานเส้นผมโดยตรงหรือเป็นผลทางอ้อม เช่น เป็นโรคติดเชื้อที่อวัยวะอื่นแล้วทำให้เกิดผมร่วงผิดปรกติตามมาภายหลังนาน 3 เดือน 3.สารเคมี เช่น ยาชนิดต่างๆ สารพิษปนเปื้อนในอาหารและน้ำ 4.โรคตามระบบต่างๆ เช่น โรคไตวาย โรคต่อมไทรอยด์เป็นพิษ และ 5.จิตใจเศร้าหมองอย่างรุนแรงและเฉียบพลันจนถึงตกใจอย่างรุนแรง เช่น ถูกผีหลอกทำให้ผมร่วงหัวโกร๋นได้ เป็นต้น

คำถามมีอยู่ว่า จะรู้ได้อย่างไรว่าผมร่วงมากผิดปรกติ? ผมร่วงนั้นเป็นเรื่องธรรมดา แต่ถ้าผมหลุดร่วงมากเกิน 100 เส้นต่อวันติดต่อกันนานหลายๆวัน แสดงว่ามีผมร่วงผิดปรกติ ซึ่งต้องมาสืบหาเหตุและปัจจัยที่เกี่ยวข้อง ภาวะผมร่วงและผมบางลง หรือภาวะผมร่วงเป็นหย่อมเฉพาะที่ แบ่งเป็น 2 กลุ่มคือ

1.ภาวะผมร่วงเป็นหย่อม

2.ภาวะผมร่วงทั่วศีรษะ

ทั้ง 2 ภาวะสามารถแบ่งแยกย่อยได้ดังนี้

1.1. ผมร่วงเป็นหย่อมเฉพาะที่ชนิดไม่มีแผลเป็นที่หนังศีรษะ ที่พบบ่อยๆได้แก่

1.1.1 ผมร่วงเป็นหย่อมๆจากเชื้อรา พบมากในเด็ก ผมจะร่วงเป็นกระจุก ผิวหนังในบริเวณที่ผมร่วงจะมีขุยหรือสะเก็ด บางครั้งจะมีผื่นแดง จะวินิจฉัยได้แน่นอนต้องตรวจพบสายราจากขุยหรือเส้นผมที่ศีรษะ การรักษาต้องใช้ยารับประทาน ยาทาไม่สามารถกำจัดเชื้อราได้หมด

1.1.2 ผมร่วงเป็นหย่อมๆจากการดึงผมตนเอง พบมากในเด็กที่มีความเครียด เมื่อไม่มีทางระบายออกจึงดึงผมตนเอง เมื่อใช้มือลองดึงเส้นผมดู เส้นผมจะไม่หลุดติดมือออกมาง่ายๆเหมือนโรคผมร่วงจากเชื้อรา การรักษาต้องอาศัยความเข้าใจถึงสาเหตุของโรคและเข้าใจปัญหาของผู้ป่วย อาจต้องปรึกษาจิตแพทย์ร่วมในกระบวนการดูแลรักษาด้วย นอกจากนี้การทายาครีมสเตียรอยด์ร่วมกับรับประทานยาต้านฮีสตามีนจะช่วยให้อาการดีขึ้น

1.1.3 ผมร่วงเป็นหย่อมๆจากโรคภูมิแพ้รากผม (alopecia areata) จะมีภาวะระบบภูมิคุ้มกันร่างกายรวน มีเซลล์เม็ดเลือดขาวมารบกวนรากผมทำให้เซลล์รากผมหยุดทำงาน เส้นผมจะหายไปเป็นหย่อมๆ ผิวหนังบริเวณที่ไม่มีเส้นผมจะเรียบไม่พบตอ เส้นผมหักหรือเป็นตุ่มที่ผิวหนัง วิธีการรักษา ใช้ยาสเตียรอยด์ทา กิน หรือฉีดเข้าบริเวณที่ผมหลุดร่วงไป เมื่อได้ผลแล้วต้องใช้ยาต่อไป เพราะถ้าหยุดยาผมที่งอกขึ้นมาจะกลับบางลงเหมือนเดิม (ภาวะนี้จะแตกต่างจาก 2 โรคข้างต้น โดยทั่วไปอาจพบผมหลุดร่วงเป็นหย่อมเดียวหรือหลายหย่อม ในรายที่อาการรุนแรงผมจะร่วงทั้งศีรษะ (alopecia totalist) และถ้ารุนแรงที่สุดผมและขนตามตัวจะร่วงหมดเหมือนพญาไร้ใบ (alopecia universalis) การรักษาควรปรึกษาแพทย์

1.2 ภาวะผมร่วงเป็นหย่อมชนิดที่มีแผลเป็นบนหนังศีรษะ เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น โรคฝีหนองบนศีรษะ เชื้อกลากที่ศีรษะชนิดที่มีการอักเสบรุนแรง แผลไฟไหม้น้ำร้อนลวก โรคดีแอลอีที่หนังศีรษะ ส่วนใหญ่รากผมจะถูกทำลายอย่างมากจนไม่สามารถสร้างเส้นผมใหม่ขึ้นมาทดแทนเส้นผมเดิมได้ และเกิดพังผืดในชั้นหนังแท้ร่วมด้วย การรักษาควรปรึกษาแพทย์เพื่อการวินิจฉัยที่ถูกต้องก่อนให้การรักษาด้วยยา

2.ภาวะผมร่วงทั่วศีรษะ ที่พบบ่อยๆคือ

2.1 ภาวะผมร่วงจากพิษไข้ (Telogeneffluvium) คนกลุ่มนี้เส้นผมบนศีรษะเปลี่ยนจากระยะเติบโตไปเป็นระยะหยุดเจริญเติบโต ผมจึงหลุดร่วงมากผิดปรกติ เกิดจากหลายสาเหตุ เช่น โรคติดเชื้อชนิดต่างๆ ทำให้ร่างกายมีไข้สูง เช่น ไข้ไทฟอยด์ ไข้มาลาเรีย ไข้หวัดที่มีไข้ติดต่อกันหลายวัน ยาชนิดต่างๆ เช่น ยากลุ่มอนุพันธุ์วิตามินเอ นอกจากนี้ยังพบในสตรีหลังคลอดบุตร ภาวะเครียดหรือตกใจอย่างรุนแรง อาการผมร่วงจะค่อยๆดีขึ้นเองภายในเวลา 1-2 เดือน

2.2 ภาวะผมร่วงทั่วศีรษะจากการติดเชื้อซิฟิลิสระยะที่ 2 ผมจะร่วงเป็นหย่อมๆทั่วศีรษะคล้ายมอดแทะ การวินิจฉัยที่แน่นอนต้องอาศัยการตรวจเลือดหา VDRL

2.3 ภาวะผมบางจากพันธุกรรมและฮอร์โมนเพศ จะเกิดอาการรากผมค่อยๆเปลี่ยนแปลงจากผมเส้นใหญ่เป็นผมเส้นเล็ก ถ้าเกิดในผู้ชายผมจะบางลงมากในบริเวณกลางศีรษะ ส่วนผู้หญิงผมจะบางลงบริเวณกลางศีรษะเช่นเดียวกัน แต่จะไม่ล้านเตียนโล่งแบบผู้ชาย การรักษาภาวะผมบางชนิดนี้จะใช้ยาปลูกผม ซึ่งมีหลายชนิดทั้งชนิดทาและรับประทาน (ชนิดรับประทานไม่เหมาะกับผู้หญิง เพราะเมื่อรับประทานแล้วจะทำให้ขนขึ้นตามตัว มีหนวดเครายาวผิดปรกติ ผู้หญิงจึงควรใช้ยาปลูกผมชนิดทาเท่านั้น) ปัจจุบันมียากลุ่มนี้ 2 ชนิดคือ Minoxidil และ Fenesteride

2.4 ภาวะผมร่วงจากการรับประทานยาขับปัสสาวะ (Spironolactone) ยาขับปัสสาวะชนิดนี้จะใช้ลดความดันโลหิตและความดันในลูกตา มีฤทธิ์ต้านการทำงานของฮอร์โมน androgen ทำให้เส้นผมไม่เปลี่ยนเป็นขนาดเล็ก ต้องระมัดระวังการใช้ยาชนิดนี้เพื่อป้องกันการเกิดผลข้างเคียงของยา จึงควรได้รับการดูแลจากแพทย์

เมื่อมีความรู้ความเข้าใจพอควรแล้วก็เชิญเลือกผู้ดูแลรักษาเส้นผมของท่านตามปรารถนา

 


You must be logged in to post a comment Login