โรงแรมกระชากวิญญาณ / โดย ศิลป์ อิศเรศ

On October 19, 2018

คอลัมน์ : ร้ายสาระ

ผู้เขียน : ศิลป์ อิศเรศ

(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 19-26 ตุลาคม 2561)

โรงแรม (เคย) หรูย่านใจกลางมหานครลอสแอนเจลิสได้ชื่อว่าเป็นโรงแรมที่มีแขกเสียชีวิตขณะพักอยู่ในโรงแรมมากที่สุด ทั้งเหตุฆ่าตัวตายและถูกฆาตกรรมรวมๆแล้วมากกว่าสิบราย อีกทั้งยังถูกใช้เป็นที่หลบซ่อนตัวของฆาตกรต่อเนื่องถึง 2 ราย

ปี 1924 วิลเลี่ยม แบงส์ ฮานเนอร์ ใช้เงิน 1 ล้านดอลลาร์ (ค่าเงินปัจจุบันประมาณ 13 ล้านดอลลาร์) สร้างโรงแรมซีซิล ขนาด 700 ห้อง สูง 19 ชั้น บนถนนเซาท์เมนสตรีทใจกลางนครลอสแอนเจลิส ห้องโถงรับแขกใช้หินอ่อนคุณภาพดี ประดับด้วยรูปแกะสลักแร่อะลาบาสเทอร์ หน้าต่างติดตั้งกระจกสีตามสไตล์โรงแรมหรู

หลังจากโรงแรมเปิดตัวได้เพียง 5 ปี อเมริกาก็เผชิญวิกฤตเศรษฐกิจถดถอยอย่างรุนแรง ในรัศมี 4 ไมล์จากที่ตั้งของโรงแรมหรูบนถนนเซาท์เมนสตรีทกลายเป็นแหล่งพักอาศัยของคนจรจัดกว่า 10,000 ชีวิต สถานที่หรูหรากลายสภาพเป็นแหล่งเสื่อมโทรมในชั่วเวลาเพียงไม่กี่ปี จากสภาพเศรษฐกิจที่ย่ำแย่ประกอบกับสภาพแวดล้อมที่ไม่น่าอภิรมย์ทำให้โรงแรมหรูกลายเป็นที่พักชั่วคราวของคนเดินทาง

สถานที่น่าตาย

วันที่ 19 พฤศจิกายน 1931 พนักงานทำความสะอาดพบร่างของดับเบิลยู. เค. นอร์ตัน วัย 46 ปี นอนเสียชีวิตอยู่ภายในห้องพัก ตำรวจพบยาพิษจำนวนมากอยู่ในกระเป๋าเสื้อกั๊กของผู้ตาย นับเป็นผู้เสียชีวิตรายแรกที่เกิดขึ้นในโรงแรมซีซิล

เดือนกันยายน 1932 เบนจามิน โดดิช วัย 25 ปี ใช้อาวุธปืนยิงศีรษะตัวเอง ตามมาด้วยลูอิส บอร์เดน วัย 53 ปี ใช้มีดโกนปาดคอตัวเองเมื่อเดือนกรกฎาคม 1934 เกรซ มาโกร วัย 25 ปี เป็นเหยื่อรายที่ 4 เธอตกลงมาจากห้องพักชั้น 9 เมื่อเดือนมีนาคม 1937 ร่างของเธอพันกับสายโทรศัพท์ก่อนที่จะตกถึงพื้น เธอเสียชีวิตที่โรงพยาบาลในเวลาต่อมา

หลังจากนั้นยังมีเหตุการณ์ฆ่าตัวตายและการฆาตกรรมภายในโรงแรมซีซิลอีกมากกว่า 10 ครั้ง แต่จะขอไม่กล่าวถึงเพราะเป็นเหตุการณ์ที่ยิบย่อยเกินไป นอกจากเหตุการณ์น่าสลดใจที่เกิดขึ้นเมื่อเดือนกันยายน 1944 โดโรธี เพอร์เซล วัย 19 ปี เกิดปวดท้องขณะนอนอยู่ในห้องพัก

โดโรธีไม่รู้ตัวว่าท้องแก่ใกล้คลอด ทารกไหลออกมาขณะเธอเข้าห้องน้ำ โดโรธีตกใจและคิดว่าทารกเสียชีวิตแล้ว เธอจับร่างของทารกโยนออกนอกหน้าต่าง ทารกน้อยตกลงบนกันสาดของอาคารที่อยู่ติดกัน จากการชันสูตรตำรวจพบว่าขณะที่โดโรธีโยนทารกออกมานั้น ทารกยังคงมีชีวิตอยู่ โดโรธีถูกศาลตัดสินว่าเจตนาฆ่าคนตาย

ลือกันว่า อลิซาเบธ ชอร์ท วัย 23 ปี มานั่งดื่มที่บาร์โรงแรมซีซิลในคืนก่อนที่เธอถูกสังหารอย่างโหดเหี้ยมเมื่อวันที่ 15 มกราคม 1947 ร่างของเธอถูกหั่นออกเป็นชิ้นๆ เป็นคดีสะเทือนขวัญที่ยังหาตัวคนร้ายไม่ได้ รู้จักกันในชื่อคดี Black Dahlia

ฆาตกรต่อเนื่อง

ระหว่างเดือนเมษายน 1984 ถึงสิงหาคม 1985 ริชาร์ด รามิเรซ หรือที่ผู้สื่อข่าวตั้งฉายาให้ว่า Night Stalker (นักล่ารัตติกาล) ตระเวนสังหารโหดเหยื่อ 13 ราย พยายามฆ่า 5 ราย และทำร้ายร่างกายอีก 11 ราย ในเขตออเรนจ์เคาน์ตีถึงซานฟรานซิสโก

ระหว่างประกอบอาชญากรรม ริชาร์ดมักจะเช่าห้องพักที่ชั้นบนสุดของโรงแรมซีซิลในอัตราค่าเช่าคืนละ 14 ดอลลาร์ เพื่ออาบน้ำชำระคราบเลือดหลังจากการสังหารเหยื่อ และใช้เป็นสถานที่ทำลายหลักฐานที่ใช้ประกอบอาชญากรรม

ริชาร์ดถูกตัดสินประหารชีวิต แต่เหตุการณ์สยองยังไม่จบลงแค่นั้น การกระทำของริชาร์ดถูกจับตามองโดยแจ็ค อันเตอร์วีเจอร์ นักเขียนและผู้สื่อข่าวอาชญากรรมจากซีกโลกอีกด้านหนึ่ง

ฆาตกรกลับใจ

ปี 1974 แจ็คสังหารโหดมาร์กาเร็ต เชเฟอร์ สาวเยอรมันวัย 19 ปี ด้วยการรัดคอโดยใช้เสื้อชั้นในของเธอเองในประเทศออสเตรีย แจ็คถูกตำรวจรวบตัวได้ในปี 1976 เขาถูกศาลตัดสินจำคุกตลอดชีวิต ระหว่างถูกจองจำแจ็คเขียนหนังสือ เรื่องสั้น โคลงกลอน และอัตชีวประวัติ ประมาณว่าสำนึกในการกระทำ

ปี 1985 แจ็คยื่นคำร้องขออภัยโทษ แต่ศาลไม่รับพิจารณาคำร้องจนกว่าเขาจะได้รับโทษแล้ว 15 ปี เมื่อครบกำหนดเวลาแจ็คยื่นคำร้องขออภัยโทษอีกครั้ง เนื้อหาจากหนังสือที่แจ็คเขียนระหว่างถูกจองจำทำให้ศาลถูกโน้มน้าวว่าเขาสำนึกในความผิดและกลับเนื้อกลับตัวเป็นคนดี จึงมีคำสั่งให้ปล่อยตัวในเดือนพฤษภาคม 1990

หลังได้รับการปล่อยตัว แจ็คได้รับเชิญให้เป็นผู้ดำเนินรายการโทรทัศน์เนื้อหาเกี่ยวกับอาชญากรกลับเนื้อกลับตัว และเป็นผู้รายงานข่าวสถานีวิทยุแห่งหนึ่ง เรื่องราวของแจ็คถูกนำมาสอนในโรงเรียน ดูเหมือนแจ็คจะได้กลับมาใช้ชีวิตปรกติในสังคมอีกครั้ง

ปี 1991 นิตยสารออสเตรียฉบับหนึ่งว่าจ้างให้แจ็คเขียนบทความเกี่ยวกับอาชญากรรมในเมืองลอสแอนเจลิส และเปรียบเทียบการก่ออาชญากรรมในอเมริกาและยุโรป แจ็คเดินทางมาที่ลอสแอนเจลิสและเช่าห้องพักที่โรงแรมซีซิล

วัดรอยเท้า

ระหว่างที่แจ็คหาข้อมูลในลอสแอนเจลิส เกิดเหตุหญิงขายบริการ 3 คน ถูกฆ่าด้วยวิธีการใช้เสื้อชั้นในของเธอเองรัดคอ ตำรวจสงสัยว่าแจ็คอาจมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดี หลังจากติดต่อกับตำรวจที่ออสเตรียก็พบว่าแจ็คเป็นผู้ต้องสงสัยในคดีสังหารหญิงขายบริการ 7 คนในออสเตรีย และ 1 คนในเชโกสโลวาเกีย โดยเหยื่อทุกคนถูกรัดคอโดยเสื้อชั้นในของพวกเธอ เหตุการณ์ทั้งหมดเกิดขึ้นในปี 1990 หลังจากแจ็คพ้นโทษออกมาไม่นาน

เอฟบีไอรวบตัวแจ็คได้เมื่อวันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1992 เขาถูกส่งตัวกลับออสเตรีย และถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมหญิงขายบริการ 11 ราย ศาลพิจารณาคดีเมื่อวันที่ 29 มิถุนายน 1994 คราวนี้เขาต้องโทษจำคุกตลอดชีวิตโดยห้ามไม่ให้มีการขออภัยโทษ แจ็คแขวนคอตายในเรือนจำในคืนที่ศาลตัดสินนั่นเอง

ไม่มีใครรู้ว่าแจ็คจงใจใช้โรงแรมซีซิลเป็นสถานที่กบดานระหว่างสังหารหญิงขายบริการ 3 คนในลอสแอนเจลิสเพื่อเลียนแบบคดีของริชาร์ดหรือไม่ แต่จากการที่โรงแรมซีซิลเกี่ยวพันทั้งทางตรงและทางอ้อมกับการเสียชีวิตของคนจำนวนมาก ทำให้เจ้าของเปลี่ยนชื่อโรงแรมเป็น Stay on Main ในปี 2011 แต่เหตุการณ์สยองขวัญก็ยังคงดำเนินต่อไป

ตายปริศนา

เดือนกุมภาพันธ์ 2013 เอลิซา แลม นักศึกษาชาวแคนาดาวัย 21 ปี ถูกพบเป็นศพเปลือยในถังเก็บน้ำบนดาดฟ้าโรงแรมซีซิล ตอนแรกสันนิษฐานว่าเธอฆ่าตัวตาย ที่น่าประหลาดใจคือการจะขึ้นมาบนดาดฟ้าโรงแรมจะต้องใช้กุญแจพนักงานไขประตู แต่ตำรวจไม่พบกุญแจในสถานที่เกิดเหตุ

โทรศัพท์มือถือของเอลิซาหายไป ไม่พบทั้งในที่เกิดเหตุและในห้องพัก ที่น่าขนลุกคือคลิปความยาว 4 นาที จากกล้องวงจรปิดในคืนที่เอลิซาเสียชีวิตพบภาพของเธอเดินเข้ามาในลิฟต์ แสดงท่าทางเอาแผ่นหลังแนบมุมผนังลิฟต์เหมือนกำลังแอบอะไรบางอย่าง

บางครั้งก็ชะโงกหน้าออกมาดูเหมือนมองหาอะไรบางอย่างนอกลิฟต์คล้ายกับเกรงกลัวว่ามีใครตามเธอมา เธอพยายามกดปุ่มหลายปุ่มแต่ประตูลิฟต์ไม่ยอมปิด ลิฟต์ไม่ยอมเคลื่อนไปไหน จนถึงจุดหนึ่งเอลิซาก้าวเท้าออกมายืนนอกประตูลิฟต์ ทำไม้ทำมือเหมือนกำลังพูดกับใครบางคนแต่กล้องจับภาพไม่ได้

กรณีการเสียชีวิตของเอลิซายังเป็นปริศนาจนถึงทุกวันนี้ แต่เหตุการณ์สยองในโรงแรมซีซิลยังไม่หยุดแค่นั้น วันที่ 13 มิถุนายน 2015 มีคนพบร่างชายหนุ่มวัย 28 ปี นอนเสียชีวิตริมถนนหน้าโรงแรม สันนิษฐานว่าผู้ตายกระโดดลงมาจากชั้นบนโรงแรม แต่ตำรวจไม่ให้รายละเอียดผู้ตายและเหตุที่ทำให้เสียชีวิต เขาจะเป็นเหยื่อโรงแรมกระชากวิญญาณรายสุดท้ายหรือไม่คงต้องรอดูกันต่อไป