- อย่าไปอินPosted 1 day ago
- ปีดับคนดังPosted 2 days ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 5 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
พ.ร.บ.เงินทดแทนฉบับใหม่ทั้งลูกจ้างและนายจ้างได้สิทธิประโยชน์ทั่วหน้ากัน
สำนักงานประกันสังคมออกพระราชบัญญัติเงินทดแทน(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561ปรับปรุงค่ารักษาและขยายความคุ้มครองให้ลูกจ้างเพิ่มอัตราการจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน และค่าทำศพกรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตายหรือสูญหาย มีผลบังคับใช้ 9 ธันวาคม 2561
นายอนันต์ชัย อุทัยพัฒนาชีพ รักษาการเลขาธิการสำนักงานประกันสังคม กระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่าพระราชบัญญัติเงินทดแทน(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 ได้ประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว เมื่อวันที่ 10 ตุลาคม 2561 โดยมีผลบังคับใช้เมื่อพ้นกำหนด 60 วัน นับแต่วันที่ประกาศเป็นต้นไป โดยพระราชบัญญัติเงินทดแทน (ฉบับใหม่)นี้ได้มีการปรับปรุงค่ารักษาและขยายความคุ้มครองให้ลูกจ้าง เพื่อให้สอดคล้องกับนโยบายของรัฐบาลและกระทรวงแรงงานโดย พลตำรวจเอก อดุลย์ แสงสิงแก้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงแรงงานที่ให้ความสำคัญในเรื่องการลดความเหลื่อมล้ำทางสังคมสร้างโอกาสเข้าถึงบริการของรัฐ ลูกจ้างได้รับประโยชน์เพิ่มขึ้น และนายจ้างได้รับความเป็นธรรม
นายอนันต์ชัย กล่าวต่อไปว่า พระราชบัญญัติเงินทดแทน(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561มีสาระสำคัญ คือ การขยายความคุ้มครองแก่ลูกจ้างของส่วนราชการ และลูกจ้างซึ่งทำงานในองค์กรของนายจ้างที่มิได้มีวัตถุประสงค์เพื่อแสวงหากำไรทางเศรษฐกิจรวมถึงการออกกฎหมายบังคับใช้เกี่ยวกับขอบเขตการคุ้มครองลูกจ้างซึ่งได้รับการจ้างงานในประเทศ(Local staff) ของสถานเอกอัครราชทูตและองค์การระหว่างประเทศและมีการเพิ่มเติมบทนิยามคำว่า “ภัยพิบัติ” เพื่อให้เกิดความชัดเจนเกี่ยวกับความหมายหรือลักษณะของภัยพิบัติลดการจ่ายเงินเพิ่มตามกฎหมายในท้องที่ประสบภัยพิบัติตามที่รัฐมนตรีประกาศกำหนด
ทั้งนี้ได้มีการเพิ่มอัตราการจ่ายค่ารักษาพยาบาล ค่าฟื้นฟูสมรรถภาพในการทำงาน และค่าทำศพกรณีลูกจ้างประสบอันตรายหรือเจ็บป่วยจนถึงแก่ความตาย หรือสูญหายโดยออกเป็นกฎกระทรวงเพื่อให้ลูกจ้างได้รับประโยชน์ ดังนี้ 1. เพิ่มอัตราค่าทดแทนกรณีต่างๆ จากร้อยละ 60เป็นร้อยละ70 ของค่าจ้างรายเดือน2. เพิ่มระยะเวลาการจ่ายค่าทดแทนกรณีลูกจ้างทุพพลภาพเป็นไม่น้อยกว่า 15 ปี(เดิมไม่เกิน 15 ปี)3. เพิ่มระยะเวลาการจ่ายค่าทดแทนกรณีลูกจ้างถึงแก่ความตายหรือสูญหายมีกำหนด 10 ปี(เดิมกำหนด 8 ปี)4.กำหนดการจ่ายค่าทดแทนในกรณีที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้ให้ได้รับตั้งแต่วันแรกที่ลูกจ้างไม่สามารถทำงานได้(เดิมจ่ายค่าทดแทนกรณีลูกจ้างไม่สามารถทำงานติดต่อกันเกิน3 วัน)5. เพิ่มการจ่ายค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของลูกจ้างตามอัตราที่กำหนดในกฎกระทรวง(เดิมจ่ายค่าทำศพแก่ผู้จัดการศพของลูกจ้างเป็นจำนวน 100 เท่า ของอัตราสูงสุดของค่าจ้างขั้นต่ำรายวันตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองแรงงาน)
และในส่วนของนายจ้างก็จะได้รับประโยชน์จากร่างพระราชบัญญัติเงินทดแทนนี้เช่นกัน กล่าวคือกฎหมายว่าด้วยเงินทดแทน (ฉบับใหม่นี้) ได้มีการปรับลดเงินเพิ่มตามกฎหมายจากเดิมร้อยละ3 ต่อเดือนลดลงเหลือร้อยละ2 ต่อเดือน และกำหนดเกณฑ์การคำนวณเงินเพิ่มกรณีนายจ้างค้างชำระเงินสมทบโดยกำหนดให้จำนวนเงินเพิ่มต้องไม่เกินจำนวนเงินสมทบที่นายจ้างต้องจ่าย(เดิมไม่ได้กำหนดเพดานเงินเพิ่มไว้) เป็นต้น
นายอนันต์ชัย กล่าวในตอนท้ายว่า พระราชบัญญัติเงินทดแทน(ฉบับที่ 2) พ.ศ.2561 นี้ จะช่วยให้ลูกจ้างมีหลักประกันชีวิตที่ดีขึ้น ทั้งจากเงินทดแทนการขาดรายได้ และระยะเวลาที่เพิ่มขึ้นเพียงพอสำหรับการดำรงชีวิตในกรณีไม่สามารถทำงานได้มีความจำเป็นต้องหยุดงาน และในส่วนของนายจ้างเองก็จะได้รับประโยชน์จากการปรับลดอัตราเงินเพิ่ม ส่งผลให้สถานภาพด้านการเงินของนายจ้างมีความมั่นคง เสริมสร้างสังคมประเทศชาติให้มีเสถียรภาพเป็นปึกแผ่น มีความมั่นคงมั่งคั่งและยั่งยืนต่อไป
You must be logged in to post a comment Login