- อย่าไปอินPosted 15 hours ago
- ปีดับคนดังPosted 1 day ago
- เรื่องยังไม่จบPosted 3 days ago
- ต้องช่วยผู้หญิงขึ้นจากขุมนรกPosted 4 days ago
- คนดีสยบทุกอย่างได้Posted 4 days ago
- จัดการได้ก็ทำเถอะPosted 1 week ago
- ชวนทำบุญครั้งสุดท้ายPosted 1 week ago
- อย่าไปซ้ำเติมPosted 1 week ago
- คงมีโอกาสดีได้นะPosted 2 weeks ago
- ช่วยสร้างบรรยากาศชื่นมื่นPosted 2 weeks ago
‘โรคไข้ซิกา’ อันตรายจากยุงลาย วายร้ายตัวจิ๋ว / โรงพยาบาลศิริราช
คอลัมน์ : พบหมอศิริราช
ผู้เขียน : งานโรคติดเชื้อ โรงพยาบาลศิริราช
(โลกวันนี้วันสุข ประจำวันที่ 26 ตุลาคม – 2 พฤศจิกายน 2561)
โรคไข้ซิกา ปัจจุบันพบผู้ติดเชื้อไวรัสซิกาในหลายจังหวัดของประเทศไทย ซึ่งกระทรวงสาธารณสุขได้ประกาศให้โรคนี้เป็นหนึ่งในโรคติดต่อที่ต้องเฝ้าระวังที่เมื่อใดพบผู้ป่วยจะต้องแจ้งต่อเจ้าพนักงานควบคุมโรคติดต่อทุกครั้ง โรคไข้ซิกาเกิดจากการติดเชื้อไวรัสซิกา ซึ่งอยู่ในตระกูลฟลาวิไวรัส (flavivirus) จำพวกเดียวกับไวรัสไข้เหลือง ไวรัสเดงกี่ และไวรัสไข้สมองอักเสบเจอี โดยมี “ยุงลาย” เป็นพาหะนำโรค โดยทั่วไปยุงลายเพศเมียจะกัดในช่วงเช้า หรือเย็นจนถึงพลบค่ำ ระยะฟักตัวของโรคประมาณ 3-14 วันหลังจากถูกยุงลายที่มีเชื้อกัด
ติดต่อกันอย่างไร
เกิดจากการถูกยุงลายที่มีเชื้อไวรัสซิกากัด นอกจากนี้ยังอาจติดต่อได้ทางเลือด การมีเพศสัมพันธ์กับผู้ที่ติดเชื้อ หรือ แพร่จากมารดาที่ป่วยไปสู่ทารกในครรภ์
อาการ
ที่พบบ่อยได้แก่ มีไข้ มีผื่นแดง เยื่อบุตาอักเสบ ปวดกล้ามเนื้อ ปวดข้อ อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ ซึ่งโดยปรกติแล้วอาการเหล่านี้จะเป็นเพียงเล็กน้อย ไม่รุนแรง และเป็นอยู่ประมาณ 2-7 วัน ยกเว้นในหญิงตั้งครรภ์บางรายอาจทำให้ทารกที่คลอดออกมามีภาวะศีรษะเล็กได้
กลุ่มเสี่ยง
กลุ่มเสี่ยงติดเชื้อไวรัสซิกามากที่สุดคือ กลุ่มสตรีตั้งครรภ์ หากติดเชื้อแล้วอาจทำให้ทารกในครรภ์ได้รับอันตราย เกิดความพิการแต่กำเนิดคือ เด็กจะมีศีรษะเล็กกว่าปรกติ (microcephaly) และอาจส่งผลทำให้เกิดการคลอดก่อนกำหนด หรือเกิดการแท้งตามได้ ดังนั้น หากหญิงตั้งครรภ์มีอาการไข้ ออกผื่น ตาแดง ปวดข้อ หรืออาการที่สงสัยว่าอาจเป็นโรคนี้ ควรมารับการตรวจเพื่อวินิจฉัยโรค
นอกจากนี้ผู้ใหญ่หรือเด็กโตบางรายที่ป่วยอาจมีอาการชาปลายมือปลายเท้าร่วมกับอาการกล้ามเนื้ออ่อนแรง ซึ่งเป็นผลจากปลอกหุ้มเส้นประสาทหลายเส้นอักเสบเฉียบพลันแทรกซ้อนตามมาได้
การรักษา
การรักษาทำได้ด้วยการพักผ่อนให้เพียงพอ และรักษาตามอาการ เช่น ใช้ยาพาราเซตามอลเพื่อลดไข้หรือบรรเทาอาการปวด ปัจจุบันยังไม่มีวัคซีนป้องกันโรคไข้ซิกาโดยเฉพาะ
วิธีป้องกัน
โรคไข้ซิกาสามารถป้องกันได้เพียงระมัดระวังไม่ให้ยุงกัด โดย
-นอนกางมุ้ง หรือติดมุ้งลวดป้องกันยุงเข้าบ้าน
-สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาวให้มิดชิด
-กำจัดแหล่งเพาะพันธุ์ลูกน้ำยุงลาย โดยการทำความสะอาด เทน้ำในภาชนะทิ้ง หรือปิดฝาภาชนะที่สามารถบรรจุน้ำได้ เช่น กระถางต้นไม้ เพื่อป้องกันน้ำขัง อันจะเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ยุง
-ใช้สารทาป้องกันยุงกัด กรณีหญิงตั้งครรภ์ให้ใช้สารทาป้องกันยุงที่มีส่วนประกอบสำคัญ เช่น DEET ความเข้มข้น 10-30% ตามคำแนะนำของกรมควบคุมโรค กระทรวงสาธารณสุข (ก่อนซื้อสังเกตที่ฉลาก)
ผู้ที่ป่วยแล้วจะลดความเสี่ยงในการแพร่เชื้อได้หรือไม่
ผู้ป่วยสามารถลดการแพร่เชื้อได้โดย
1.ปฏิบัติตามมาตรการเพื่อป้องกันไม่ให้ยุงกัดเป็นระยะเวลา 3 สัปดาห์หลังจากเริ่มมีอาการไม่สบาย เพราะในช่วงเวลาดังกล่าวอาจมีเชื้อเหลืออยู่ในกระแสเลือด หากถูกยุงกัดในช่วงนี้จะสามารถแพร่กระจายเชื้อให้ผู้อื่นได้
2.เพื่อลดการแพร่เชื้อทางเพศสัมพันธ์ ควรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์หรือใช้ถุงยางอนามัย สำหรับผู้ป่วยชายเป็นระยะเวลา 3-6 เดือน และผู้ป่วยหญิงเป็นระยะเวลาอย่างน้อย 2 เดือน
You must be logged in to post a comment Login