วันศุกร์ที่ 22 พฤศจิกายน พ.ศ. 2567

เป่าเสกให้หายวับ

On October 31, 2018

คอลัมน์ : โลกวันนี้มีประเด็น

การเลือกตั้งหัวหน้าและทีมบริหารพรรคเพื่อไทยที่ผ่านมา ประเด็นที่พูดถึงกันมากในหมู่แกนนำคือการเตรียมความพร้อมรองรับสถานการณ์ยุบพรรค ซึ่งสอดคล้องกับการวิเคราะห์ผลการเลือกตั้งของอดีต ส.ว. และอดีต สปช. คนหนึ่งที่คาดการณ์ว่าจะเกิดเหตุการณ์พลิกความคาดหมายของหลายคน โดยมองว่าการชิงสิทธิตั้งรัฐบาลร่วมกันของพรรคขนาดกลางและขนาดเล็กจะไม่ยากลำบากอย่างที่พูดกัน เหตุผลสนับสนุนสำคัญคืออาจมีการยุบบางพรรคโดยเอาเงื่อนเวลาผู้สมัคร ส.ส. ต้องสังกัดพรรค 90 วัน มาเป็นเงื่อนไขเสกให้อดีต ส.ส. จำนวนมากหายไปจากสนามเลือกตั้งที่จะมีขึ้นในช่วงต้นปีหน้า

ในช่วงที่การเมืองยังไม่นิ่ง 100% เพราะยังไม่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดวันเลือกตั้งออกมา แต่การคาดเดาผลการเลือกตั้งที่จะมีขึ้นช่วงต้นปีหน้าก็มีออกมาเรื่อยๆจากหลายฝ่าย

การคาดเดาที่ออกมาล่าสุดแม้จะไม่เป็นประเด็นที่คนพูดถึงกันมาก แต่ถือว่ามีความน่าสนใจ

น่าสนใจเพราะเป็นการคาดเดาผลการเลือกตั้งที่แตกต่างจากการคาดเดาของหลายคนก่อนหน้านี้

น่าสนใจเพราะคนที่คาดเดาผลการเลือกตั้งคือ นายประสาร มฤคพิทักษ์ อดีตสมาชิกวุฒิสภาที่มีบทบาทพอสมควรในการโค่นล้มรัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร และเป็นอดีตสมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ (สปช.) ที่เพิ่งหมดวาระไป

นายประสารเห็นว่าผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นช่วงต้นปีหน้ามีโอกาสเกิดแลนด์สไลด์เหมือนกับที่บางคนพูด

จะมีการชนะกันอย่างถล่มทลาย ไม่ใช่ฝ่ายที่เรียกตัวเองว่าเป็นฝ่ายประชาธิปไตยที่กำชัยเลือกตั้ง แต่กลับเป็นฝ่ายที่ถูกมองว่าสนับสนุนการสืบทอดอำนาจเป็นผู้กำชัยชนะอย่างเด็ดขาด ไม่ต้องไปลุ้นในการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรี

โดยนายประสารมีเหตุผลสนับสนุนการคาดเดาดังนี้คือ

1.การลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญเมื่อวันที่ 7 สิงหาคม 2559 แม้ 2 พรรคใหญ่อย่างเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์จะแสดงจุดยืนชัดเจนว่าไม่ยอมรับ แต่ร่างรัฐธรรมนูญกลับผ่านความเห็นชอบจากประชาชนมากถึง 16.8 ล้านเสียง ขณะที่มีผู้ไม่เห็นชอบเพียง 10.5 ล้านเสียง ต่างกันถึง 6.3 ล้านเสียง

2.ระบบการเลือกตั้งแบบแบ่งสันปันส่วนจะทำให้ 2 พรรคใหญ่อย่างเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อน้อยมาก หรืออาจไม่ได้เลยสักคนเดียว ขณะที่พรรคขนาดกลางจะได้ ส.ส.บัญชีรายชื่อมากขึ้น

3.อาจมีการยุบพรรคการเมืองที่ทำผิดกฎหมายพรรคการเมืองมาตรา 28-29 ที่ห้ามบุคคลที่มิได้เป็นสมาชิกพรรคเข้าแทรกแซงครอบงำพรรค จะเห็นได้ว่ามีการเตรียมพรรค “ตระกูลเพื่อ” หลายพรรคสำรองไว้รองรับแล้ว ซึ่งช่วงเวลาการยุบพรรคจะสัมพันธ์กับกฎหมายที่กำหนดให้ผู้สมัคร ส.ส. ต้องเป็นสมาชิกพรรคการเมืองไม่น้อยกว่า 90 วัน แม้จะย้ายสังกัดไปอยู่พรรค “ตระกูลเพื่อ” ประชาชนก็รับรู้ว่าเป็นใครมาจากไหน

4.อดีต ส.ส. ที่เป็นตัวเต็งในพื้นที่หลายคนอาจน้ำตาตก เพราะประชาชนเอือมระอานักการเมืองเก่า เรียกหานักการเมืองหน้าใหม่ ซึ่งเป็นกระแสที่มาแรงในทุกท้องที่ทั่วประเทศ จึงเชื่อว่า ส.ส.หน้าใหม่จะเข้ามาแทนที่ ส.ส.หน้าเก่ามากกว่า 50%

5.การหาเสียงเลือกตั้งผ่านสื่ออิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อออนไลน์จะมีอานุภาพมากกว่าสื่อสิ่งพิมพ์หรือสื่ออื่นๆ พรรคการเมืองไหนไม่สันทัดการใช้สื่อดังกล่าวจะเสียเปรียบ

6.ในระยะ 7 ปีมานี้ ผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เติบโตขึ้นจนครบอายุ 18 ปี ที่จะมีสิทธิเลือกตั้งเป็นครั้งแรก ลบด้วยผู้มีสิทธิเลือกตั้งที่เสียชีวิตไป จะมีจำนวนมากกว่า 7 ล้านคน พรรคไหนจะช่วงชิงคะแนนเสียงจากคนกลุ่มนี้ได้มากกว่ากัน

7.นับจากนี้ไปอีก 4 เดือน กว่าจะถึงวันลงบัตรเลือกตั้ง ยังมีตัวแปรอีกมากมายที่จะทำให้คะแนนเสียงของพรรคต่างๆแกว่งไกว พรรคไหนรักษาเนื้อรักษาตัวให้บอบช้ำน้อยที่สุดย่อมได้เปรียบ

ด้วยเหตุผลทั้งหมดนี้ นายประสารจึงเชื่อว่าผลการเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นคราวนี้จะพลิกความคาดหมายแบบคาดไม่ถึง

การคาดการณ์ของนายประสารจะเห็นว่ามีเหตุผลบางข้อที่ย้อนแย้งกันอยู่พอสมควร โดยเฉพาะกรณีที่บอกว่าประชาชนเบื่อนักการเมืองรุ่นเก่า โหยหานักการเมืองรุ่นใหม่ การหาเสียงเลือกตั้งผ่านสื่อออนไลน์ คะแนนเสียงผู้มีสิทธิเลือกตั้งครั้งแรก 7 ล้านเสียง ซึ่งดูเหมือนจะไม่ค่อยเข้าทางพรรคที่ถูกมองว่าสนับสนุนการสืบทอดอำนาจสักเท่าไร

มีเพียงข้อเดียวที่อาจพลิกฟ้าพลิกแผ่นดินได้อย่างที่นายประสารคาดการณ์คือ เรื่องการยุบพรรคโดยใช้เงื่อนเวลาสังกัดพรรคไม่ครบ 90 วัน มาปิดกั้นอดีต ส.ส. ของพรรคคู่แข่งให้ขาดคุณสมบัติเป็นผู้สมัคร ซึ่งอาจเป็นท่าไม้ตายที่ถูกงัดมาใช้หากมองไม่เห็นทางอื่นที่จะโค่นฝ่ายตรงข้ามได้


You must be logged in to post a comment Login