วันเสาร์ที่ 12 เมษายน พ.ศ. 2568

โอสถศาลาประชาธิปไตย กับโรครัฐประหารเรื้อรัง

On November 1, 2018

คอลัมน์ : บทความพิเศษ

ผู้เขียน :  ศ.ดร.สุรชาติ บำรุงสุข

(โลกวันนี้ฉบับพิเศษ ขึ้นปีที่20)

 

ไม่ว่าประเทศไทยจะเดินไปอย่างไรในอนาคต ประเด็นสำคัญประการหนึ่งที่ตกค้างและเป็นปัญหาที่เป็นดัง “โรคเรื้อรัง” ที่ไม่จบสิ้นในการเมืองไทยก็คือ ทหารกับการแทรกแซงทางการเมืองด้วยการใช้กำลังทำรัฐประหาร จนการยึดอำนาจได้กลายเป็นดัง “โรคร้าย” ของการเมืองไทยไปแล้ว เพราะไม่ว่าสังคมไทยมีการพัฒนาก้าวหน้าไปเพียงใดก็ตาม แต่โรคนี้ยังคงอยู่ในระบบการเมืองของประเทศไม่เปลี่ยนแปลง จนเกิดภาพลักษณ์ว่าประเทศไทยได้กลายเป็น “คนป่วย” ที่เกิดอาการติด “โรครัฐประหารเรื้อรัง” จนต้องแสวงหายารักษาให้ได้ก่อนที่อาการของโรคนี้จะพาสังคมไทยสู่ความอับจนมากกว่าที่เป็นอยู่

แม้ผมจะไม่ใช่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญ แต่บทความนี้จะขอทดลองสำรวจสมมุติฐานโรคเรื้อรังของทหารไทยที่มีอาการติดเชื้อรัฐประหารมาอย่างยาวนาน และจะขอลองนำเสนอยาแก้โรคนี้ 4 ขนาน

4-02

ทหารอาชีพ vs ทหารการเมือง

ประวัติศาสตร์การเมืองไทยหลังจากยุคสงครามโลกครั้งที่สองจวบจนปัจจุบัน สะท้อนให้เห็นภาพลักษณ์ของทหารไทยที่มีบทบาท “เด่น” ในการโค่นล้มรัฐบาลพลเรือน ชนชั้นนำ ผู้นำทหาร และบรรดากลุ่มการเมืองปีกขวา สามารถใช้กองทัพเป็นเครื่องมือทางการเมืองอย่างไร้ขีดจำกัด จนบทบาทเช่นนี้กลายเป็นคุณลักษณะสำคัญของกองทัพไทยที่มีบทบาททางการเมืองมากกว่าการป้องกันประเทศ และขณะเดียวกันนายทหารระดับสูงในกองทัพไทยแสดงบทบาทใน 2 ลักษณะคือ เป็น “นักกดดันทางการเมือง” ในยามปรกติ และเป็น “นักการเมืองในเครื่องแบบ” ในยุครัฐประหาร สิ่งนี้ทั้งหมดคือภาพสะท้อนที่ชี้ให้เห็นว่ากองทัพไม่ได้ทำหน้าที่หลักในทางทหาร แต่กลับมีบทบาทหลักทางการเมืองต่างหาก

ปัญหาเช่นนี้ทำให้ข้อถกเถียงทั้งทางทฤษฎีและปฏิบัติในเรื่องความเป็น “ทหารอาชีพ” ของกองทัพไทยกลายเป็นเพียงหัวข้อการถกแถลงที่ไม่สามารถพัฒนาต่อยอดได้ เพราะความเป็นจริงก็คือ การเมืองไทยมีอาการติดเชื้อ “โรครัฐประหาร” ที่รักษาไม่หาย และรัฐประหารทำให้กองทัพไทยกลายเป็น “ทหารการเมือง”

ผลจากการนี้รัฐประหารในการเมืองไทยจึงเป็น “กฎ” มากกว่าเป็น “ข้อยกเว้น” เพราะรัฐประหารเกิดขึ้นครั้งแล้วครั้งเล่าอย่างไม่มีจุดจบ

เกิดมากจนอาจจะต้องบันทึกไว้ใน “กินเนสบุ๊ค” เพราะในโลกร่วมสมัยนั้นรัฐประหารได้หายไปจากหัวข้อข่าวของหลายๆประเทศแล้ว แม้การเมืองประเทศเพื่อนบ้านที่เคยอยู่กับรัฐบาลทหาร ไม่ว่าจะเป็นในอินโดนีเซียหรือเมียนมา ก็กลายเป็นการเมืองแบบการเลือกตั้ง และหากไม่นับระบอบสังคมนิยมในเวียดนามและลาวแล้ว ไทยเป็นประเทศเดียวในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ที่ปกครองด้วยระบอบอำนาจนิยมของรัฐบาลทหาร ทั้งที่หลังปี 2516 และโดยเฉพาะหลังปี 2535 ไทยคือตัวแบบให้แก่เพื่อนบ้านในภูมิภาคถึงความก้าวหน้าของการสร้างประชาธิปไตย แต่วันนี้เรากลับถอยประเทศกลับมาอยู่ใต้การรัฐประหาร

นอกจากสังคมไทยจะต้องใช้ชีวิตอยู่กับระบอบทหารในปัจจุบันแล้ว ยังเห็นได้ชัดเจนถึงอำนาจของทหารในการเมืองไทย ดังจะเห็นได้จากการออกมาประกาศของผู้บัญชาการทหารบก และสำทับตามมาด้วยการแถลงของผู้บัญชาการทหารสูงสุด ผู้บัญชาการ 3 เหล่าทัพ และผู้บัญชาการตำรวจ ที่ยืนยันถึง “ความจำเป็น” ในการทำรัฐประหาร ทั้งที่มีความคาดหวังว่าการเมืองไทยกำลังเดินหน้าสู่การเลือกตั้งในเดือนกุมภาพันธ์ 2562 ถ้อยแถลงดังกล่าวได้สร้าง “ความตกใจทางการเมือง” ให้แก่สังคมไทยและสังคมระหว่างประเทศไม่แตกต่างกัน เพราะเป็นการแถลงอย่างเปิดเผยและตรงไปตรงมาโดยไม่ปิดบังถึงการยึดอำนาจ และผู้แถลงไม่จำเป็นต้องคำนึงถึงความเป็นทหารอาชีพของกองทัพไทยแต่อย่างใดเลย

ถ้อยแถลงใน 2 วาระนี้ ด้านหนึ่งสะท้อนภาพของ “ความด้อยพัฒนาทางการเมือง” ของไทย ที่บ่งบอกถึงระดับการพัฒนาทางการเมืองในเรื่องของ “ทหารกับการเมือง” จากยุคหลังสงครามโลกครั้งที่สองจนถึงปัจจุบันว่ามีลักษณะหยุดนิ่ง จนน่าเสียดายว่าทหารในการเมืองไทยย่ำอยู่กับความเป็นการเมืองแบบ “โลกที่สาม” ไม่เปลี่ยนแปลง เพราะคุณลักษณะของการเมืองโลกที่สามมีการแทรกแซงของทหารเป็นหนึ่งในคุณสมบัติหลัก และด้วยการแทรกแซงเช่นนี้ทำให้สังคมไม่สามารถปฏิรูปกองทัพได้ และในอีกด้านหนึ่งผู้นำทหารที่อยู่ในอำนาจด้วยการรัฐประหารย่อมไม่ปรารถนาที่จะให้มีการปฏิรูปกองทัพด้วย ดังจะเห็นได้จากบทเรียนทางทหารว่า กองทัพที่เป็นทหารอาชีพจะเป็น “หอกข้างแคร่” ของผู้นำรัฐบาลทหาร

เกียรติภูมิของวิชาชีพทหาร

เรื่องเหล่านี้เป็นภาพสะท้อนในเชิงสถาบันว่า กองทัพไทยอยู่ในวังวน “ทหารการเมือง” และไม่สามารถยกระดับให้เกิดกระบวนการสร้าง “ทหารอาชีพ” เช่นที่เกิดในประเทศพัฒนาแล้ว อันทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่สถาบันทหารไทยเป็น “กองทัพการเมือง” ที่ไม่ได้ดำรงอยู่ด้วยบทบาทและภารกิจหลักทางทหาร… ผู้นำทหารบางส่วนใช้ชีวิตในเวทีการเมืองมากกว่าในกรมทหาร และขณะเดียวกันก็มี “ความสุข” จากชีวิตในทำเนียบรัฐบาลที่มีอำนาจในการทำหน้าที่ควบคุมทั้งนโยบายและทรัพยากรของประเทศ ทั้งที่ไม่มีความชัดเจนว่าผู้นำทหารเหล่านี้มีทักษะและความสามารถในการบริหารรัฐสมัยใหม่ในโลกปัจจุบันเพียงใด

ทหารการเมืองเหล่านี้ไม่มีภาพของความเป็น “ผู้นำทหารในอุดมคติ” เช่นที่ปรากฏในวิชาประวัติศาสตร์สงครามซึ่งเป็นสิ่งที่ใช้สอนเป็นพื้นฐานของวิชาชีพทหารแต่อย่างใด ถ้าเช่นนั้นแล้วผู้นำทหารไทยที่มีเหรียญตราเต็มหน้าอกในวันที่แต่งเครื่องแบบเต็มยศจะเป็น “แม่แบบ” ให้กับน้องๆในโรงเรียนทหารได้อย่างไร ในเมื่อการต่อสู้ของพวกเขาอยู่ใน “สนามรบทางการเมือง” ที่กรุงเทพฯมากกว่าจะใช้ชีวิตใน “สนามรบทางทหาร” เช่นที่ผู้นำทหารควรเป็น… แผงเหรียญตราบนหน้าอกจะมีความหมายเพียงใดเล่าหากพวกเขาไม่ได้ทำหน้าที่ให้ “สมเกียรติ” แห่งความเป็นทหารหาญ

ประวัติศาสตร์สงครามจากยุคกรีกและยุคโรมันหล่อหลอมและสอนทหารทุกชาติในความเป็นทหารอาชีพไม่แตกต่างกันว่า ความมีเกียรติของทหารคือการทำหน้าที่ในสนามรบ แต่สำหรับกองทัพไทยในยุคแห่งการรัฐประหารเช่นปัจจุบัน ความมีเกียรติอยู่กับการทำหน้าที่ในสนามการเมือง

วัฒนธรรมการเมืองของทหารไทยถูกหล่อหลอมด้วยอำนาจที่ได้มาด้วยการรัฐประหารจนลืมความเป็น “กองทัพอาชีพ” ที่เป็น “แกนกลาง” ของการสร้างกองทัพสมัยใหม่ และเป็นการลืมวิชาชีพทหารอย่างน่าเสียดาย ที่ส่งผลอย่างมีนัยสำคัญให้อนาคตของการพัฒนากองทัพไทยกลายเป็นเพียงเรื่องการจัดหายุทโธปกรณ์ที่ไร้ประโยชน์ทั้งในทางยุทธศาสตร์และทางยุทธการ หรือขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นถึงทิศทางการพัฒนากองทัพที่มีเพียงอาวุธเป็นแกนกลาง

โจทย์การพัฒนากองทัพในหลายปีที่ผ่านมาจึงถูกตอบด้วยคำว่า “ซื้อ… ซื้อ… ซื้อ” ซึ่งเป็นชุดความคิดทางยุทธศาสตร์ที่หยาบที่สุด และน่าเสียใจที่อาวุธหลายประเภทที่ถูกจัดหามากลายเป็น “เศษเหล็ก” ในกองทัพ อันเป็นผลจากการที่อาวุธเหล่านี้ไม่สามารถทำหน้าที่ได้จริง และในยุครัฐประหารเรื่องเหล่านี้ไม่มีผู้ใดต้องรับผิดชอบ จนกลายเป็นความ “น่าฉงน” ทั้งทางการเมืองและกฎหมาย นอกจากนี้หลังจากความสำเร็จของการรัฐประหาร 2557 แล้ว เราแทบไม่มีผู้นำทหารที่สนใจเรื่อง “ยุทธศาสตร์ทหาร” อย่างจริงจัง ความสนใจหมกมุ่นอยู่กับเรื่อง “ยุทธศาสตร์ 20 ปี” ที่รัฐบาลทหารต้องการใช้บังคับสังคมไทย

ยาสำหรับผู้ป่วยเรื้อรัง

ในโลกแห่งความผันผวนของการเมืองไทย คำประกาศล่าสุดของผู้นำทหารระดับสูงที่ยืนยันถึงบทบาทในการแทรกแซงของกองทัพ จึงสะท้อนถึงสถานะของกองทัพเท่าๆกับสะท้อนถึงสถานะของการเมืองไทยอย่างดียิ่งว่า รัฐประหารยังอยู่กับการเมืองไทยเสมอ และขณะเดียวกันก็สะท้อนให้เห็นถึงการเป็น “คนป่วย” ที่ยังคงมีอาการ “ติดเชื้อรัฐประหาร” ของสังคมการเมืองไทยอย่างน่ากังวล

ในสภาวะเช่นนี้ขบวนประชาธิปไตยไทยจึงอยากมี “โอสถศาลา” ที่สามารถจัดยารักษาผู้ป่วยที่มีอาการติด “โรครัฐประหาร” อย่างรุนแรง แต่คงต้องยอมรับความเป็นจริงว่า ในทางการเมืองไม่มีสิ่งที่เรียกว่า “ยาวิเศษ” หรือ “ยาหมอเทวดา” แต่หากทดลองสำรวจจากประวัติศาสตร์แล้ว เราอาจจะเห็นถึงยาหลัก 4 ชนิด ได้แก่

ยาฆ่าเชื้อ “แพ้สงคราม” : ยาแรงที่จะฆ่าอาการติดเชื้อรัฐประหารที่แรงที่สุดคือการ “แพ้สงคราม” เช่นเมื่อครั้งเยอรมนีและญี่ปุ่นแพ้สงครามโลกครั้งที่ 2 และสัมพันธมิตรใช้วิธีการบังคับให้เกิดกระบวนการสร้างประชาธิปไตยและการปฏิรูปกองทัพ อันเป็นปัจจัยที่ทำให้เกิดการพัฒนาประชาธิปไตยในยุคหลังสงครามในประเทศทั้งสอง ประเทศไทยเข้าร่วมกับฝ่ายอักษะ แต่เมื่อญี่ปุ่นแพ้สงคราม ไทยไม่ได้ถูกปฏิบัติเป็น “ประเทศแพ้สงคราม” จึงไม่ต้องรื้อระบบการเมืองแบบอำนาจนิยม ซึ่งก็คือการที่โครงสร้างเก่าในการเมืองไทยไม่ถูกจัดใหม่ อันส่งผลให้อำนาจของทหารไม่ถูกลดทอน และไม่มีการปฏิรูปกองทัพ กองทัพจึงอยู่ในการเมืองไทยเสมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น

ยาฆ่าเชื้อ “แพ้ประชาชน” : ยาแรงอีกประการที่เกิดในหลายประเทศคือ กองทัพทนแรงกดดันจากการประท้วงใหญ่ไม่ได้ และ “แพ้ประชาชน” จนทหารต้องยอมถอนตัวออกจากอำนาจ และนำไปสู่การจัดโครงสร้างการเมืองใหม่ พร้อมกับการปฏิรูปกองทัพ การเมืองไทยผ่านเหตุการณ์ใหญ่ในปี 2516 และ 2535 แต่ในท้ายที่สุดไม่เกิดเป็นกระบวนการสร้างประชาธิปไตยที่แข็งแรง และไม่เคยมีการปฏิรูปกองทัพ อันทำให้อำนาจของทหารไม่ได้ถูกปรับให้สอดรับกับการมาของการเมืองชุดใหม่ กล่าวคือ กองทัพอยู่แบบเดิมเสมือนไม่มีเกิดอะไรขึ้นในทางการเมือง

ยาสร้างภูมิ “ฉันทามติทหาร” : ยานี้อาจไม่แรง แต่เกิดจากการสร้างภูมิภายในกองทัพด้วยการมี “ฉันทามติทหาร” ว่าการแทรกแซงการเมืองเป็นผลเสียต่อสถาบันกองทัพ ผู้นำทหารจึง “ตัดสินใจด้วยความสมัครใจ” พากองทัพออกจากการเมือง และนำไปสู่การปฏิรูปกองทัพเพื่อรักษาสถาบันทหารในระยะยาว ยาชนิดนี้ใช้ได้ดีต่อเมื่อผู้นำรัฐบาลและกองทัพมีวุฒิภาวะและวิสัยทัศน์เพียงพอ จนเกิดฉันทามติว่ารัฐประหารคือเครื่องมือที่ดีในการทำลายกองทัพ และมติเช่นนี้เป็นทิศทางหลักของกองทัพ

ยาสร้างภูมิ “ฉันทามติสังคม” : ยาอีกชุดเป็นการสร้างภูมิคุ้มกันภายในจาก “ฉันทามติสังคม” ที่ผู้คนในสังคมไม่ยอมรับรัฐประหาร และเห็นร่วมกันว่าการแทรกแซงการเมืองของทหารเป็นภาพสะท้อนของความด้อยพัฒนาทางการเมือง และการสร้างประชาธิปไตยจะเป็นการยกสถานะของประเทศ ช่วงเปลี่ยนผ่านในเกาหลีใต้มีลักษณะเช่นนี้ เหมือนกับตอนตุรกีจะเข้าสหภาพยุโรปก็มีทรรศนะแบบนี้เช่นกัน หรือทรรศนะของสังคมที่ไม่ยอมรับการรัฐประหารในบูร์กินาฟาโซในปี 2557 จนผู้นำการยึดอำนาจต้องออกมาขอโทษต่อสังคม เป็นต้น

ถ้าไม่ปฏิรูปทหารวันนี้ ก็รอรัฐประหารวันพรุ่งนี้!

ว่าที่จริงไม่ใช่ไม่มียาแก้ “โรครัฐประหาร” ในการเมืองไทย เป็นแต่เพียงเราไม่เคยใช้ยาต่อเนื่องบ้าง ไม่ยอมใช้ยาจริงบ้าง หรือไม่กล้าใช้ยาแรงบ้าง เช่น สัมพันธมิตรไม่ได้บังคับให้ไทยเป็นผู้แพ้สงครามในปี 2488 อันทำให้ไม่เกิดการปฏิรูปกองทัพ หลังชัยชนะใหญ่ของประชาชนในปี 2516 และ 2535 ก็ไม่นำไปสู่การปฏิรูปกองทัพ เป็นแค่เพียงการเปลี่ยนตัวผู้นำทหาร หลังการสิ้นสุดของสงครามคอมมิวนิสต์ไทยในปี 2525-2526 และการจบลงของสงครามเย็นของโลกในปี 2532-2533 ก็ไม่มีการปฏิรูปกองทัพ

ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น กองทัพไทยไม่เคยต้องเปลี่ยนแปลง ไม่เคยต้องปฏิรูป ต่างกับในหลายๆประเทศที่เกิดการปฏิรูปกองทัพมาเป็นระลอก โดยเฉพาะอย่างยิ่งในยุคหลังสงครามเย็นที่ภัยคุกคามเปลี่ยนแปลงไปหมด

ดังนั้น การเลือกตั้งที่จะเกิดขึ้นในอนาคตจะต้องสร้าง “ปฏิญญา 2562” ในสังคมไทยร่วมกันว่า หมดเวลาของกองทัพที่มีภารกิจหลักทางการเมืองแล้ว แน่นอนว่าเราต้องปฏิรูปการเมือง และจะต้องปฏิรูปกองทัพคู่ขนานกันไป

ปฏิรูปกองทัพคือยาพื้นฐานแก้โรครัฐประหารเรื้อรังของทหารไทย และการปฏิรูปคือจุดเริ่มต้นของการสร้างทหารอาชีพ และถ้าการเมืองไทยสร้างทหารอาชีพไม่ได้แล้ว ก็เลิกคิดถึงความสำเร็จของการเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตยได้เลย

ฉะนั้นรัฐบาลของฝ่ายประชาธิปไตยในอนาคตจะต้องกล้าผลักดัน “วาระปฏิรูปทหาร” ให้เป็นนโยบายแห่งชาติ และการปฏิรูปนี้จะต้องยึดกุมหลักการสำคัญว่า ไม่ใช่การทำลายศักยภาพทางทหาร แต่จะต้องเป็นการลดทอนศักยภาพทางการเมืองของกองทัพ ด้วยความมุ่งหวังให้กองทัพไทยเป็นทหารอาชีพ และยุติบทบาททหารการเมืองลงให้ได้มากที่สุด

ขบวนประชาธิปไตยจะต้องสำเหนียกเสมอว่า การเปลี่ยนแปลงทางการเมืองที่ไร้การปฏิรูปกองทัพในวันนี้ คือการนั่งรอการยึดอำนาจในวันหน้า!


You must be logged in to post a comment Login

Казино левлучший портал для азартных игроков
Игровые автоматызахватывающая игра начинается сейчас
azino777испытай удачу прямо здесь
1win казинооткрой для себя мир азартных игр
Вулкан платинумавтоматы с высокой отдачей ждут тебя
Казино левгде выигрыши становятся реальностью
Игровые автоматыразвлекайся и выигрывай каждый день
азино три топоранаслаждайся адреналином от побед
Казино 1winкаждая игра — шаг к успеху
Вулкан россиятвой шанс на большой выигрыш
Казино левоснова азартного мастерства
Игровые автоматытоповые игры для каждого
Azino777только для настоящих ценителей риска
1win казинокайф от игры начинается здесь
Вулкан 24где каждый день приносит победы
Казино левновые высоты азартных эмоций
Игровые автоматыгде выигрыши реальны
азино три топорасамые горячие игры ждут
Казино 1winвыигрывайте с комфортом
Казино вулкан россияисследуй мир азартных автоматов
Казино левтвой источник азарта и выигрышей
Игровые автоматыискусство выигрыша ждет тебя
azino777почувствуй азарт и драйв
1win казиноидеальный выбор для азартных игр
Вулкан платинумиграй и побеждай с удовольствием
Казино левнаслаждайся азартом без границ
Игровые автоматылучшие призы ждут тебя
азино три топоратвоя игра начинается здесь
Казино 1winновые уровни азарта и удачи
Вулкан россияначни путь к победе прямо сейчас
Coco chat - Rejoignez nouvelles discussions enrichissantes sur Bed and Bamboo
Chatrandom - Discover exciting chats with new people on Bed and Bamboo
Chatrandom - Entdecke spannenUnterhaltungauf Bed and Bamboo
Chatrandom - Ontdek boeienchats op Bed and Bamboo
Coco chat - Partagez des moments uniques sur Hoodrich France
Chatrandom - Connect and chat on Hoodrich France
Chatrandom - Chatte mit der Hoodrich France Community
Chatrandom - Geniet van chats in Hoodrich France gemeenschap
Coco chat - Connectez-vous pour des échanges passionnants sur I’m Famous 51
Chatrandom - Meet and chat on I’m Famous 51
Chatrandom - Führe spannenGespräche auf I’m Famous 51
Chatrandom - Beleef gesprekkop I’m Famous 51
Coco chat - Discutez avec la communauté Quincaillerie Outillage Thollot
Chatrandom - Explore vibrant conversations at Quincaillerie Outillage Thollot
Chatrandom - Tritt spannendChats bei Quincaillerie Outillage Thollot bei
Chatrandom - Ga mee in boeiengesprekkbij Quincaillerie Outillage Thollot
Coco chat - Rejoignez TurboSystem pour discuter
Chatrandom - Engage in exciting chats at TurboSystem
Chatrandom - Genieße spannenChats bei TurboSystem
Chatrandom - Beleef chatplezier bij TurboSystem