- ต้องมีก้างขวางคอไว้บ้างPosted 4 hours ago
- ส.ว.ต้องสร้างผลงานเชิดชูองค์กรPosted 1 day ago
- รอความจริงเปิดเผยPosted 4 days ago
- ไม่ประมาท โอกาสรอดมีเยอะPosted 5 days ago
- ล้างบางพระทาสยานรกPosted 6 days ago
- ยิ่งดิ้น ยิ่งจมPosted 1 week ago
- ไม่มีอะไรแน่นอนPosted 1 week ago
- ต้องเรียนวิชาป้องกันตัวเองPosted 2 weeks ago
- ยิ่งเรียน ยิ่งโง่ ยิ่งโต ยิ่งเซ่อPosted 2 weeks ago
- สื่อต้องเสนอข่าวสร้างสรรค์Posted 2 weeks ago
ออกจากกะลา / โดย นายหัวดี
![](https://www.lokwannee.com/web2013/wp-content/uploads/2018/11/4953c-300x218.jpg)
คอลัมน์ : ฉุก(ละหุก)คิด
ผู้เขียน : นายหัวดี
ในที่สุด “พล.อ.อ.ประจิน จั่นตอง” รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ก็จะเสนอที่ประชุม ครม. วันที่ 13 พฤศจิกายน แก้ไขกฎหมายเพื่อ “ปลดล็อกกัญชาทางการแพทย์” ให้แล้วเสร็จภายในเดือนกุมภาพันธ์ปีหน้า หลังจากนั้น “องค์การเภสัชกรรม” จะเดินหน้าผลิตได้ทันที
แม้ขั้นตอนจะต้องผ่านสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และต้องตั้งคณะกรรมาธิการพิจารณาภายใน 90 วัน ทั้งหมดก็อยู่ที่ “ทั่นผู้นำ” จะเปิดไฟเขียวผ่านตลอดหรือไม่
เรื่องการใช้ประโยชน์จากกัญชามีความเห็นที่หลากหลาย ทั้งเห็นด้วยและไม่เห็นด้วย แต่หากดูสถานการณ์ทั่วโลกก็ต้องยอมรับว่ากัญชามีประโยชน์มากกว่าโทษ เพราะหลายประเทศวิจัยชัดเจนว่าน้ำมันที่สกัดได้จากกัญชาสามารถนำมารักษาโรคได้หลายโรค อาทิ โรคอัลไซเมอร์ โรคชักกระตุก โรคพาร์กินสัน โรคหอบหืด และมะเร็ง ฯลฯ
ขณะที่ในอดีตไทยและพื้นที่สามเหลี่ยมทองคำถือเป็นแหล่งปลูกกัญชาใหญ่ของโลก กัญชามีคุณภาพดีที่สุดแห่งหนึ่งของโลก แต่ในทางปฏิบัติรัฐบาลต้องมีมาตรการดูแลตั้งแต่ต้นทางจนถึงปลายทาง ไม่ว่าจะเป็นพันธุ์กัญชา พื้นที่ปลูก การควบคุมการผลิตและการนำมาใช้ทางการแพทย์ รวมถึงการส่งออก
การ “ปลดล็อกกัญชา” ถือว่าเป็นประโยชน์อย่างมากในทางการแพทย์ แต่ก็ต้องมีกระบวนการทางกฎหมายที่ยังมีหลายฝ่ายอ้างเป็นยาเสพติดและเอาเรื่องศีลธรรมมาต่อต้าน โดยเฉพาะเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องซึ่งมีผลประโยชน์ทั้งทางตรงและทางอ้อม
วันนี้โลกเดินไปข้างหน้าแล้ว หากไม่ออกจาก “กะลา” ที่ครอบ ไม่ได้ทำให้ประเทศชาติเสียประโยชน์เท่านั้น แม้แต่ประชาชนที่ควรได้รับการรักษาก็คือผู้รับเคราะห์กรรมไปด้วย!
You must be logged in to post a comment Login