น.ส.วิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS กล่าวว่า ดัชนีหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ ได้รับปัจจัยบวกจากเม็ดเงินกองทุน LTF ช่วงปลายปีช่วยพยุงตลาดหุ้นไทย ประกอบกับไทม์ไลน์เลือกตั้งชัดเจนมากขื้น หลังจากพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญ (พ.ร.ป.) ว่าด้วยการเลือกตั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร พ.ศ.2561 เริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 11 ธ.ค.2561 รวมทั้งคาดการณ์ผลการประชุมกนง. มีมติคงอัตราดอกเบี้ยนโยบายที่ระดับเดิมเพื่อสนับสนุนการฟื้นตัวต่อเนื่องของเศรษฐกิจ
ส่วนปัจจัยด้านลบที่ยังคงกดดันการลงทุนอยู่ในช่วงนี้ยังคงเป็นปัจจัยต่างประเทศเป็นหลัก อาทิ นักลงทุนยังคงกังวลสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯและจีน และจับตาผลการเจรจานอกรอบระหว่างปธน.สหรัฐฯและปธน.จีนในการประชุมกลุ่ม G20 รวมถึงธนาคารกลางสหรัฐส่งสัญญาณปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายในการประชุมเดือนหน้า และคาดปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 3 ครั้งในปีหน้า
นอกจากนี้ ยังมีความกังวลต่อภาวะชะลอตัวของเศรษฐกิจจีน จากการเปิดเผยดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) ในเดือนต.ค. ขยายตัว 3.3% จากปีก่อน และ 0.4% จากเดือนก่อน ชะลอตัวลงจากเดือนก.ย. ขณะที่ก่อนหน้านี้ จีนเปิดเผยตัวเลข GDP ในช่วงไตรมาส 3 ขยายตัว 6.5%จากปีก่อน ชะลอตัวลงจากระดับ 6.7%ในช่วงไตรมาส 2 และ Fund Flow ไหลออก โดยตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันนักลงทุนต่างชาติมีสถานะขาย 2.73 แสนล้านบาท
สำหรับปัจจัยที่น่าจับตาในสัปดาห์นี้ ได้แก่ วันที่ 13 พ.ย. อียู เปิดเผย ความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเดือนพ.ย. สหรัฐฯ เปิดเผย ความเชื่อมั่นของธุรกิจขนาดย่อมเดือนต.ค. วันที่14 พ.ย. กำหนดประชุมกนง. และกำหนดวันสุดท้ายในการส่งงบการเงินในช่วงไตรมาส 3/2561 ของบริษัทจดทะเบียน และ อียู รายงานตัวเลข GDP ไตรมาส 3/2561 (ประมาณการครั้งที่ 2) และการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนก.ย.สหรัฐฯ เปิดเผย อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. จีน เปิดเผย การลงทุนในสินทรัพย์ถาวร การผลิตภาคอุตสาหกรรม ยอดค้าปลีก และยอดการลงทุนโดยตรงจากต่างประเทศ (FDI)
รวมถึง ในวันที่15 พ.ย. สหรัฐ เปิดเผย จำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ยอดค้าปลีกเดือนต.ค. ดัชนีภาคการผลิตเดือนพ.ย. ดัชนีการผลิตเดือนพ.ย. สต็อกสินค้าคงคลังภาคธุรกิจเดือนก.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่16 พ.ย. อียู เปิดเผย อัตราเงินเฟ้อเดือนต.ค. สหรัฐฯ เปิดเผยการผลิตภาคอุตสาหกรรมเดือนต.ค. วันที่17 – 18 พ.ย. การประชุมกลุ่มความร่วมมือทางเศรษฐกิจเอเชียแปซิฟิก (เอเปก) และในวันที่ 19 พ.ย. สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ(สภาพัฒน์) แถลงตัวเลข GDP Q3/61
ด้านนายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์โกลเบล็ก จำกัด กล่าวว่า แนวโน้มตลาดหุ้นในสัปดาห์นี้ผันผวนในกรอบ 1,630-1,680 จุด โดยแนะนำเก็งกำไรในหุ้นแนะนำประจำเดือน พ.ย. ได้แก่AUCT, XO, SPALI, KKP รวมถึงหุ้นที่ได้อานิสงส์จากเงินบาทอ่อนค่าสู่ 33.05 หนุนกลุ่มส่งออก ได้แก่ CPF, SVI, XO และหุ้นที่ได้ประโยชน์จากกรณีครม.ยกเลิกค่าธรรมเนียมวีซ่านักท่องเที่ยวจนถึงสิ้นเดือนม.ค.2562 แนะนำ AOT, CENTEL, ERW
ด้านแนวทางการลงทุนในทองคำ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล.โกลเบล็ก กล่าวว่า การเลือกตั้งกลางเทอมของสหรัฐฯมีผลให้นักลงทุนคาดการณ์ว่า Fed จะสามารถปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายได้อย่างต่อเนื่อง โดยปราศจากแรงกดดันทางการเมืองจากพรรครีพับลิกัน อีกทั้งการส่งสัญญาณล่าสุดจากการประชุม FOMC ทำให้ตลาดมั่นใจมากขึ้นว่าจะสามารถดำเนินนโยบายการเงินได้อย่างราบรื่นในปีหน้า ทั้งการปรับลดงบดุลและการปรับขึ้นดอกเบี้ย
ในขณะที่สงครามการค้าโลกมีแนวโน้มจะบรรเทาเบาบางลงจากความคาดหวังถึงผลลัพธ์หลังการพบกันระหว่างผู้นำจีนกับสหรัฐฯที่การประชุม G20 ในช่วงสิ้นเดือนนี้ ซึ่งมีผลให้สกุลเงินดอลลาร์กลับมาแข็งค่า และกดให้ราคาทองคำปรับตัวลดลงเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา
อย่างไรก็ตาม ราคาน้ำมันส่งสัญญาณพร้อมจะรีบาวด์ขึ้นจากระดับแนวรับสำคัญ หลังจากที่ร่วงลงมาตลอด 1 เดือน โดยมีข้อตกลงลดการผลิตในกลุ่ม OPEC เป็นปัจจัยบวก ซึ่งจะส่งผลต่อราคาทองคำในแง่ต้นทุนการผลิตที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เงินบาทยังมีทิศทางที่อ่อนค่าจากการแข็งขึ้นของสกุลเงินดอลลาร์ ทำให้ราคาทองคำในประเทศแกว่งลงในลักษณะปรับฐานระหว่างขาขึ้นเท่านั้น ทั้งนี้ แนะนำ trading ในกรอบราคาระหว่าง 1,200–1,250 ดอลลาร์/ออนซ์
You must be logged in to post a comment Login